สุรินทร์ - หลานสาวเหยื่อผู้ใหญ่บ้านซาดิสต์ หื่นกัดดูดฟกช้ำทั้งตัว โร่ร้องศูนย์ดำรงธรรมหวั่นคดีไม่คืบและไม่ได้รับความเป็นธรรม ขณะเจ้าของร้านอาหารจุดนัดหมายเผยเห็นทั้ง 2 คนคุยแซวกันปกติ ส่วนภรรยาแยกกันอยู่ บอกสามีชอบดื่ม เห็นนัดดื่มกันเป็นประจำ ขณะนายอำเภอเผยผู้ใหญ่บ้านหายล่องหนยังตามตัวมาสอบไม่ได้
วันนี้ (24 ส.ค.) ความคืบหน้ากรณี น.ส.อัม (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ชาวบ้านหนองเหล็ก ต.แคน อ.สนม จ.สุรินทร์ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ต.พิเชษฐ์ ชูโฉมงาม พนักงานสอบสวน สภ.สนม อ.สนม จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 63 ที่ผ่านมากล่าวหาว่า นายสามารถ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ใหญ่บ้านศรีสำโรง ม.13 ต.แคน อ.สนม ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา ลวนลามกระทำอนาจารต่อร่างกายด้วยการกัดดูดได้รับบาดเจ็บมีรอยฟกช้ำทั่วร่างกาย ทั้งบริเวณหน้าอก คอ แขน ไหล่ แผ่นหลัง และแก้ม หลังจากไปร่วมนั่งดื่มเบียร์ด้วยกันจนเมาหลับไปโดยไม่รู้ตัวเมื่อวันที่ 13 ส.ค. พร้อมขู่ฆ่าให้ตายหากแจ้งความดำเนินคดี ผู้เสียหายเกรงจะถูกทำร้ายและไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องเรียนต่อสื่อมวลชน และเมื่อวานนี้ ( 23 ส.ค.) ผู้ใหญ่บ้านผู้ถูกกล่าวหาได้เข้าพบพนักงานสอบสวน ให้การภาคเสธและขอต่อสู้คดีในชั้นศาล ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเช้าวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของ น.ส.อัม (นามสมมติ) ผู้เสียหายที่ บ.หนองเหล็ก ตำบลแคน อ.สนม จ.สุรินทร์ พบว่าเจ้าตัวได้เตรียมตัวนำเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเพื่อเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ สาขารัตนบุรี ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ สาขา รัตนบุรี โดยมีนายวิโรจน์ ประครองใจ นักวิชาการยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ สาขารัตนบุรี มารับเรื่อง และสอบปากคำ เพื่อรวบรวมเหตุการณ์ตลอดทั้งหลักฐานเอกสารที่นำมาร้องขอความเป็นธรรม
โดย น.ส.อัม ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ที่มาร้องขอความเป็นธรรต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ สาขารัตนบุรี เพราะได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.ก็ไม่มีความคืบหน้าของการดำเนินคดีจึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ขณะที่นายวิโรจน์ ประครองใจ นักวิชาการยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ สาขารัตนบุรี กล่าวว่าเรื่องนี้ ทางศูนย์ดำรงธรรมสุรินทร์ สาขา รัตนบุรี ได้รับเรื่องไว้และได้สอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหาย และจะได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขึ้น โดยสอบปากคำหลายๆ คนเพื่อประกอบการพิจารณาและให้การช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ต่อไป
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวยังได้ได้โทรศัพท์สอบถามถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวจาก น.ส.วันเพ็ญ หาญเสมอ นายอำเภอสนม ในฐานะผู้บังคับบัญชา เปิดเผยว่า วันนี้ได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอรับผิดชอบงานปกครองดูแลในเรื่องวินัยกำนันผู้ใหญ่บ้าน ให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อผู้ใหญ่บ้านผู้ถูกกล่าวหา แต่ยังไม่สามารถติดต่อผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวได้ และได้ให้ชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ตามหาตัวเพื่อมาสอบสวนข้อเท็จจริงอีกด้าน แต่ยังไม่พบตัว ส่วนผู้เสียหายได้เดินทางมาให้ข้อมูลเบื้องต้นแล้วเมื่อวานนี้ ทั้งนี้ หากตามตัวพบและทำการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีความผิดจริงก็จะเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต่อไป ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังร้านอาหาร ชื่อ “ร้านยายนาตาเฒ่า” ตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านของผู้ต้องหา ผู้ใหญ่บ้านศรีสำโรง ม.13 ต.แคน อ.สนม จ.สุรินทร์ พบกับเจ้าของร้าน คือ นายสุธิพงษ์ ปัสสารี อายุ 42 ปี เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุตนเห็นทั้ง 2 คนดื่มเหล้ากันปกติ จนถึงบ่าย 3 เกือบบ่าย 4 โมง โดยก่อนหน้านั้นผู้เสียหายมาสั่งข้าวกินก่อน สักพักผู้ใหญ่บ้านขับรถมาจากไหนไม่รู้จึงเรียกผู้ใหญ่มากินด้วย แซวเล่นกันและมานั่งกินด้วยกัน จนประมาณถึงบ่าย 4 โมง 10 นาที ผู้ใหญ่บ้านจึงขับรถออกไปเอาเหล้ามา 1 แบน และเอาโซดามาดื่มกับเอ็มร้อย ตนก็ทำกับข้าวไป สักพักผู้เสียหายโทรศัพท์ตามเพื่อนมานั่งเป็นเพื่อนโดยมากินข้าว ไม่ได้ดื่มเหล้า
จากนั้นผู้ใหญ่ก็ชวนไปธุระ ตนได้ยินไม่ชัดเจนว่าไปไหน จากนั้นก็ขึ้นรถไปด้วยกัน 3 คน แต่ไม่รู้ว่าไปไหนต่อ ตนไม่ค่อยได้คลุกคลีกับผู้ใหญ่บ้าน แต่เป็นลูกค้าประจำที่นี่ นิสัยก็ปกติ ส่วนฝ่ายหญิงก็เป็นลูกค้าประจำเหมือนกัน แต่นิสัยลึกๆ แล้วตนเองไม่รู้ ตนเห็นทั้ง 2 คนคุยกันปกติ เราไม่รู้ว่าสนิทกันขนาดไหน
ทางด้าน น.ส.สุนีย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี ภรรยาผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทราบว่าสามีเป็นคนชอบดื่ม ตนจำเป็นจึงต้องออกมาอยู่ในบ้านอีกหลังกับลูก เพราะทราบพฤติการณ์ของสามีดี ส่วนการดื่มกินกับผู้หญิงที่เป็นเรื่องราวกันครั้งนี้ตนเห็นว่าเห็นเขาดื่มกินด้วยกันเป็นประจำ และไม่คิดว่าสามีของตนจะทำลงไปได้แบบที่เป็นข่าว เพราะเห็นพวกเขาดื่มกินอยู่เป็นประจำ ส่วนสามีจะไปไหนในช่วงนี้ไม่ทราบเหมือนกัน เป็นเรื่องของเขา ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย