กาญจนบุรี - ชาวโซเชียลแห่ชื่นชม 2.เยาวชนชาวสังขละบุรี หลังพบเงินสดเกือบ 3 หมื่น.พร้อมบัตรคาตู้เอทีเอ็ม โพสต์เฟซบุ๊กตามหาเจ้าของ พร้อมนั่งรออีก 1 ชม.จนพบ ที่แท้เป็นแม่ค้าในตลาด ด้าน ผกก.สังขละบุรี เตรียมมอบประกาศนียบัตรยกย่องเป็นคนดีศรีสังขละบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีบุคคลที่ใช้นามว่า อ้วนน้อย เลียล้ม อยู่กับผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กนามว่า ตี๋น้อย เลียล้ม นำรูปภาพบัตรเอทีเอ็ม พร้อมเงินสดเป็นจำนวนมากมาโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อตามหาเจ้าของบัตรและเงินสดจำนวนดังกล่าว โดยบรรยายข้อความระบุว่า “มีป้าคนหนึ่งไม่ทราบชื่อมาฝากเงินที่ธนาคารไทยพาณิชย์ แต่ทำรายการไม่สำเร็จ พร้อมบัตร ATM แล้วเงิน จำนวน 27,000 บาท กระผม รออยู่นะที่นี้นะค้าบ #ฝากแชร์ๆๆๆๆ”
ซึ่งหลังจากโพสต์รูปภาพและข้อความข้างต้นได้ไม่นาน ปรากฏว่ามีสมาชิก และคนในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้เข้ามากดไลก์กดแชร์ พร้อมกล่าวชื่นชมวัยรุ่นทั้ง 2 รายเป็นจำนวนมาก
เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง 2 เยาวชนข้างต้นได้โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้เป็นภาพของทั้งคู่ถ่ายร่วมกับเจ้าของเป็นหญิงที่เดินทางมารับเงินและบัตรเอทีเอ็มคืนที่หน้าธนาคาร จากสีหน้าของหญิงคนดังกล่าวมีความรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ส่วนสีหน้าของ 2 วัยรุ่นมองจากภาพแล้วทั้งคู่คงมีความสุขที่ได้ทำความดีเป็นอย่างมาก
นอกจากรูปภาพที่นำมาโพสต์แล้ว ยังมีการบรรยายข้อความระบุว่า “เจอเจ้าของเงินจำนวน 27,000 แล้วนะค้าบ #ผมเข้าใจเพราะว่าผมจนเหมือนกันครับ กว่าจะได้เงินขนาดนี้ต้องเสียแรงเสียเหงื่อเท่าไร #ที่นี่สังขละบุรี” และหลังจากโพสต์ได้ไม่นาน มีผู้คนมากมายเข้าไปกดไลก์กดแชร์ และเข้าไปแสดงความชื่นชมเป็นจำนวนมากเช่นกัน
จากการตรวจสอบ พบว่า 2 เยาวชนที่ทำความดีในครั้งนี้คือ นายธวัชชัย เมืองมูล อายุ 16 ปี และนายณัญวัตร สังขเฉลา อายุ 16 ปี ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน โดยเรียนอยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนอุดมสิทธิศึกษา ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำอำเภอสังขละบุรี ส่วนเจ้าของบัตรเอทีเอ็มและเงินสด คือ นางฉวีวรรณ พรหมมา อายุ 48 ปี อาชีพแม่ค้าร้านจำหน่ายอาหารสด ที่อยู่ภายในตลาดสดเทศบาลตำบลวังกะ อ.สังขละบุรี
โดยช่วงเช้าวันนี้ (9 ก.ย.) 2 เยาวชนคือนายธวัชชัย และนายณัญวัตร ได้ร่วมกันเปิดเผยความรู้สึกก่อนไปโรงเรียน ว่า ก่อนหน้านี้ตนกับเพื่อนไปซ้อมฟุตบอลกับเพื่อนๆ หลังจากเลิกซ้อมฟุตบอลที่โรงเรียน ตนทั้งคู่ก็ได้ขับรถจักรยานยนต์มาที่ธนาคารดังกล่าวเพื่อกดเงินไปเติมน้ำมัน
ระหว่างต่อแถวรอการกดเงิน มีป้าผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทำธุรกรรมทางการเงินด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีผ่านตู้ ATM ไม่นานนักป้าคนดังกล่าวก็เดินออกไป เมื่อถึงคิวตนก็ได้เข้าไปกดเงิน แต่ปรากฏพบว่า บัตร ATM และเงินสดจำนวนหนึ่งของป้าที่ทำธุรกรรมการเงินก่อนหน้านี้เด้งออกมาจากตู้ ตนจึงหยิบเอาบัตรและเงินสดออกมา นับรวมกันได้.จำนวน 27,000 บาท
ตนกับเพื่อนพยายามตะโกนเรียกป้าเจ้าของเงิน แต่ป้าก็ไม่ได้ยิน แล้วก็เดินหายไป ซึ่งตนกับเพื่อนไม่รู้จักป้าคนดังกล่าวมาก่อน ดังนั้นจึงตัดสินใจถ่ายภาพทรัพย์สินทั้งหมดโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก เพื่อตามหาเผื่อมีใครรู้จักจะได้แจ้งให้ป้าคนดังกล่าวทราบ และตนกับเพื่อก็ยังไม่ได้ไปไหน โดยยืนรอป้าอยู่ที่หน้าธนาคารนานประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ป้าเจ้าของทรัพย์สินจำนวนดังกล่าวก็มาที่หน้าธนาคารที่ตนกับเพื่อนยืนรออยู่ จากนั้นตนกับเพื่อนจึงนำทรัพย์สินคืนให้แก่ป้า ซึ่งป้าคนดังกล่าวก็ดีใจที่ได้ทรัพย์สินคืน ระหว่างนั้นตนกับเพื่อนจึงขอถ่ายภาพเอาไว้เพื่อนำไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก เพื่อแจ้งให้สมาชิกในเฟซบุ๊กได้ทราบว่าตนกับเพื่อนได้คืนทรัพย์สินให้แก่ป้าแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 2 เยาวชนยังได้ฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงพี่ๆ น้องๆ ที่เป็นเยาวชนด้วยว่า เงินทองที่เป็นของคนอื่น แม้เราจะเก็บได้ก็อย่ายึดเอามาเป็นของของเรา เนื่องจากเจ้าของเงินกว่าจะหาเงินมาได้แต่ละบาท ต้องทำงานแลกมาด้วยความยากลำบาก” นายธวัชชัย และนายณัญวัตร กล่าว
ด้าน นางฉวีวรรณ พรหมมา เจ้าของร้านจำหน่ายอาหารสด ในตลาดสดเทศบาลตำบลวังกะ กล่าวว่า หลังจากที่ตนปิดร้านเสร็จ ตนได้นำเงินสด จำนวน 27.000 บาท ไปเข้าบัญชีธนาคารผ่านตู้เอทีเอ็ม ด้วยความเร่งรีบและเข้าใจว่าตนนำเงินเข้าบัญชีไปแล้ว จึงเดินทางกลับบ้านในทันที
เมื่อไปถึงบ้านจึงได้ตรวจสอบยอดเงินทางโทรศัพท์มือถือ ปรากฏว่า ไม่มียอดเงินเข้าบัญชี อีกทั้งบัตรเอทีเอ็มก็หายไป ด้วยความตกใจตนจึงรีบกลับมาที่ธนาคาร เมื่อมาถึงปรากฏว่าพบเยาวชนทั้ง 2 ยืนรออยู่ที่หน้าธนาคาร ซึ่งตนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากจนพูดอะไรไม่ออกที่ได้เงินคืน ด้วยความดีของเด็กทั้ง 2 คน ตนจึงมอบรางวัลให้จำนวน 500 บาท แต่เด็กทั้ง 2 คนก็ไม่รับ แต่เราก็ไม่ยอมจึงคะยั้นคะยอมอบให้จึงยอมรับเงิน นับว่าเป็นความโชคดีของตนที่เจอคนดีอย่างเด็กทั้ง 2 คน หากเป็นคนอื่นตนอาจจะไม่ได้เงินคืน และต้องมาเป็นคดีความกันอีกก็เป็นไปได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พ.ต.อ.นันทเศรษฐ์ สุขนพกิจ ผกก.สังขละบุรี ทราบข่าวการทำความดีของเยาวชนทั้งสอง จึงได้เตรียมมอบประกาศนียบัตรให้เพื่อยกย่องให้เป็นคนดีศรีสังขละบุรี ต่อไป