ลำปาง - ผู้การลำปางตั้งคณะกรรมการดูแลคดีครูบา-พระเลขาฯ ล่วงละเมิดทางเพศอดีตเณรวัย 14 ปีเศษ จนต้องให้คนพาหนีออกจากวัด เร่งผลตรวจ DNA รอยเปื้อนติดจีวร-ถ้ำฯ แจ้ห่ม ด้านผู้เสียหายไปอยู่กับญาติ ตจว.ชั่วคราวแล้ว
หลังคณะกรรมการสอบอธิกรณ์ มติเป็นเอกฉันท์บ่ายวานนี้ (3 ก.ย.) เห็นสมควรให้ปรับอาบัติปาราชิก พระสุรชัย (บุญปิง) กิตติญาโน นามสกุลปิยะลังกา เจ้าสำนักสงฆ์พระเจ้า วัดป่าอุทุมพร พร้อมกับพระเลขา คือ พระศักดิ์บดินทร์ (ตี๋) เขมปญโญ นามสกุลน้อยนวล รวมเป็น 2 รูป ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานล่วงละเมิดทางเพศและทำอนาจาร อดีตเณรวัย 14 ปีเศษ จนอวัยวะฉีกขาดและทนไม่ไหวต้องให้คนพาหนีออกจากสำนักสงฆ์
โดยกำหนดให้สละสมณเพศ ลาสิกขากลับไปเป็นฆราวาสภายใน 3 วัน นับตั้งแต่วันที่ 3-5 ก.ย. 63 และให้ออกจากที่พักสงฆ์ป่าพระเจ้าอุทุมพร ยุติกิจกรรมทั้งปวง เพื่อความสะดวกและความงดงามแห่งสถานภาพแก่การไปต่อสู้ในคดีทางโลก พิสูจน์ชำระล้างความผิดและมลทินของตนเองตามกระบวนการยุติธรรม หากพ้นกำหนดคือวันที่ 5 ก.ย. พบว่าพระทั้งสองรุปยังคงดื้อดึงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีในฐานความผิดแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ ว่าที่ ร.ต.อัฎฐพล จักรเครือชัยวรา สำนักกฎหมายอัฎฐพลทนายความ เป็นผู้แทนคณะสงฆ์ธรรมยุตจังหวัดลำปาง ติดตามคดีและดำเนินการตามมติคณะกรรมการลงนิคหกรรมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
วันนี้ (4 ก.ย.) พล.ต.ต.อนุชา อ่วมเจริญ ผบก.ภ.ลำปาง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า คดีดังกล่าวเดิมเด็กมีความกลัวไม่กล้าให้ข้อมูล จึงได้ตั้งคณะกรรมการพนักงานสอบสวนให้เป็นเอกเทศขึ้นมาชุดหนึ่งจำนวน 5 นาย โดยมี ผกก.สภ.เมืองลำปาง เป็นหัวหน้า พร้อมทั้งส่งทีมกฎหมายของภูธรจังหวัดลำปาง เข้าไปร่วมดูสำนวนด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งหลังจากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาและมีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพเข้าไปพุดคุยจนเด็กยอมให้การซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ในทางคดี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีกไม่มาก และเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวไปแล้ว ส่วนทางพระธรรมวินัยผลสอบออกมาแล้วว่าให้สึกและออกจากที่พัก ก็ได้ส่งหนังสือให้พนักงานสอบสวนเพื่อเตรียมสำนวนและดำเนินการต่อแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรออยู่ในขณะนี้มีอะไรบ้าง พล.ต.ต.อนุชา อ่วมเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง กล่าวว่า หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งจะมีจีวรของเณร ที่ผู้เสียหายอ้างว่าเป็นคราบอสุจิของครูบาฯ นอกจากนี้ยังมีผลตรวจรอยนิ้วมือแฝง รอย DNA ที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุต่างๆ ว่าตรงกันหรือไม่ รวมถึงถ้ำที่ อ.แจ้ห่ม ว่ามีร่องรอย DNA ของพระครูบาฯ หรือไม่ หากมีทั้งของพระครูบาและเณร ก็แสดงว่า 2 คนเคยไปอยู่ตรงนั้นจริง ก็จะสมกับคำให้การของผู้เสียหายซึ่งขณะนี้ได้เร่งไปแล้ว คาดว่าจะรู้ผลภายใน 1 เดือน
ส่วนการดูแลพยานและผู้เสียหาย ขณะนี้ผู้เสียหายไม่ประสงค์ให้ดูแล แต่หากต้องการก็สามารถแจ้งได้ตลอดเวลา ขณะที่ผู้เสียหายคือเด็ก (อดีตเณรบี-นามสมมติ) ขณะนี้ไปพักอาศัยอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัดเป็นการชั่วคราวไม่ได้อยู่ในจังหวัดลำปาง
