xs
xsm
sm
md
lg

อาบัติปาราชิกชัด! คณะพระอธิกรณ์สั่งครูบาดัง-พระเลขา ตุ๋ยเณรวัย 14 สึกใน 3 วัน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ลำปาง - คณะพระอธิกรณ์ หารือกันนานกว่า 2 ชม.ก่อนลงมติเป็นเอกฉันท์ ชี้ครูบาเจ้าสำนักสงฆ์ดัง-พระเลขา ร่วมล่วงละเมิดทางเพศเณรวัย 14 อาบัติชั้นอุกฤษฎ์ ต้องปาราชิกภายใน 3 วัน ระบุหากดื้อดึงให้ ตร.จัดการต่อทันที


ความคืบหน้ากรณีบิดาได้นำอดีตเณร บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปีเศษ เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง ว่าถูกพระสุรชัย ปิยะลังกา หรือ ครูบาบุญปิง กิตติญาโน เจ้าสำนักสงฆ์อุทุมพร พร้อมกับพระเลขา คือ พระศักดิ์บดินทร์ (ตี๋) เขมปญโญ นามสกุล น้อยนวล ล่วงละเมิดทางเพศและทำอนาจาร จนอวัยวะฉีกขาดและทนไม่ไหวต้องให้คนพาหนีออกจากสำนักสงฆ์

ต่อมา พ.ต.ท.กมล คิดอ่าน สว.(สอบสวน) สภ.เมืองลำปาง เจ้าของคดีได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหา ครั้งที่ 1 ลงวันที่ 17 ส.ค. 2563 ความอาญา ไปยังพระสุรชัย ปิยะลังกา หรือครูบาบุญปิง กิตติญาโน และพระศักดิ์บดินทร์ (ตื๋) เมปญโญ มารับทราบข้อหากระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ในวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งพระทั้ง 2 รูปให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาล

ขณะเดียวกัน พระโพธิญาณรังสี เจ้าคณะจังหวัดลำปาง-แพร่ (ธรรมยุต) ก็ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นจำนวน 5 รูป ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งฝ่ายโจทก์ คือเด็กผู้เสียหาย และฝ่ายจำเลยคือผู้ถูกกล่าวหา ตลอดจนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องในชั้นที่ 1 และเพื่อให้ข้อเท็จจริงเป็นที่ปรากฏ เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบอธิกรณ์และลงนิคกรรม 7 รูป มีอำนาจหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยการลงนิคหกรรมให้เป็นอันยุติ ตามกฎมหาเถรสมาคมว่าด้วยการลงนิคหกรรม หมายถึงการลงโทษตามพระวินัย ได้ร่วมกันพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งคลองวัตรแห่งพระธรรมวินัย กฎหมาย กฎระเบียบ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ กฎมหาเถรสมาคม ทั้งยังได้พินิจพิเคราะห์จากพยานหลักฐานต่างๆ รับฟังถ้อยคำผู้เสียหายอีกรอบ ทั้งได้ร่วมกันสอบสวนและรับฟังถ้อยคำจากฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 รูป และได้รับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากโรงพยาบาลลำปาง และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง ได้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาไปแล้ว


ล่าสุดบ่ายวันนี้ (3 ก.ย.) คณะกรรมการสอบอธิกรณ์ ทั้ง 7 รูป ได้มีการประชุมที่วัดคีรีสุบรรพต หรือวัดสามัคคีบุญญาราม (วัดดอย) บ้านทุ่งสามัคคี ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง พิจารณาตามหลักอริยวินัย โดยถือเอาพระธรรมวินัยเป็นที่สุดแห่งฝ่ายสงฆ์ซึ่งใช้เวลาหารือกันร่วม 2 ชั่วโมง

กระทั่งได้สรุปผลสอบอธิกรณ์ เป็นประจักษ์ชัดว่าพระภิกษุทั้งสองรูปนี้ต้องอาบัติ ปาราชิก สิกขาบทที่ 1 คือเสพเมถุน อันเป็นอาบัติชั้นอุกฤษฎ์ ดังนั้น เพื่อความงดงามในพระพุทธศาสนา และเป็นการธำรงรักษาไว้ซึ่งพระธรรมวินัย ป้องกันมิให้พระพุทธศาสนาเกิดความมัวหมอง เป็นที่เสื่อมศรัทธาจากเหล่าพุทธศาสนิกชน ระงับยับยั้งไว้ซึ่งการกล่าววิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนในสังคม


คณะกรรมการลงนิคหกรรม จำนวน 7 รูป จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นสมควรปรับอาบัติปาราชิก พระสุรชัย (บุญปิง) กิตติญาโน นามสกุล ปิยะลังกา และพระศักดิ์บดินทร์ (ตี๋) เขมปญโญ นามสกุล น้อยนวล โดยกำหนดให้สละสมณเพศ ลาสิกขากลับไปเป็นฆราวาว ภายใน 3 วัน นับตั้งแต่วันที่ 3-5 ก.ย. 63 และให้ออกจากที่พักสงฆ์ป่าพระเจ้าอุทุมพร ยุติกิจกรรมทั้งปวง เพื่อความสะดวก และความงดงามแห่งสถานภาพ แก่การไปต่อสู้ในคดีทางโลก พิสูจน์ชำระล้างความผิดและมลทินของตนเองตามกระบวนการยุติธรรม

ทั้งยังได้กำชับอีกว่า หากพ้นกำหนดคือวันที่ 5 ก.ย. 63 แล้วพระทั้งสองรูปยังคงดื้อดึงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีในฐานความผิดแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป โดยได้มอบหมายให้ ว่าที่ ร.ต.อัฎฐพล จักรเครือชัยวรา สำนักกฎหมายอัฎฐพลทนายความ เป็นผู้แทนคณะสงฆ์ธรรมยุตจังหวัดลำปาง ติดตามคดีและดำเนินการตามมติคณะกรรมการลงนิคหกรรมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

จากนั้นตัวแทนของคณะกรรมการลงนิคหกรรม 2 รูป ได้นำหนังสือดังกล่าวไปให้พระทั้งสองรูป ณ ที่พักสงฆ์ป่าพระเจ้าอุทุมพร แต่ปรากฏว่าเกือบเกิดความวุ่นวายเนื่องจากชาวบ้านที่ยังศรัทธาในตัวพระบุญปิงจำนวนหนึ่งไม่พอใจ ทำให้ตัวแทนพระที่นำหนังสือไปนำส่งต้องรีบออกจากที่พักสงฆ์วัดป่าอุทุมพร และได้นำหนังสือรายงานผลการสอบไปยื่นให้กับ ผบก.ภ.ลำปาง และ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปางตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น