ศรีสะเกษ - ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ประหารชีวิต “ผู้กองเหน่ง” อุ้มฆ่าโหด “ผอ.อ้อย” สถานเดียว พร้อมแก้ไขในส่วนคดีแพ่งสั่งชำระค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอื่นๆ แก่โจทก์ร่วมทั้ง 4 คน จากเดิม 2,760,000 บาท เพิ่มเป็น 3,510,000 บาท ด้านแม่เหยื่อพอใจคำพิพากษา เตรียมหารือยื่นศาลฎีกาต่อ
วันนี้ (1 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 64 ปี และ นางแหลม อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี พ่อและแม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย อายุ 37 ปี อดีตผู้อำนวยการกองการศึกษา องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายประสิทธิศักดิ์ ฝอยทอง ประธานสภาทนายความ จ.กันทรลักษ์ น.ส.ภัทรพร ทองสุทธิ์ รองประธานสภาทนายความ จ.กันทรลักษ์ ทีมทนายความ ญาติพี่น้องได้เดินทางมารับฟังการอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ ซึ่งพนักงานอัยการกันทรลักษ์เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง อดีตนายทหาร ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ในฐานความผิดต่อชีวิต คดีอุ้มฆ่าโหด ผอ.อ้อย โดยเป็นการอ่านคำพิพากษาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เนื่องจาก “ ผู้กองเหน่ง” จำเลยคดีนี้ถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง กรุงเทพฯ
โดยคณะผู้พิพากษาได้นัดอ่านคำพิพากษาที่ห้องพิจารณาคดีที่ 5 เป็นคดีเลขดำที่ อ.81/61 มี นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน และนางแหลม อุ่นอ่อน พ่อและแม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย พร้อมด้วยทีมทนายความเข้าไปรับฟังการอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ส่วนบรรดาญาติพี่น้องของ ผอ.อ้อย ต่างพากันนั่งรอผลการพิพากษานอกห้องพิจารณาคดี ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้ใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษานานประมาณ 2 ชั่วโมง จึงเสร็จสิ้น
ทั้งนี้ คดีนี้จำเลยที่ 1 คือ ร.อ.ศุภชัย ได้ถูกฟ้องว่า ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง ทำให้ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย อายุ 37 ปี ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และฆ่า น.ส.จุฑาภรณ์ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลอบฝังซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย ทำให้เสียหาย เคลื่อนย้ายส่วนของศพโดยไม่มีเหตุอันควร ลักทรัพย์โทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น 5 เอส สร้อยคอทองคำ แหวนทองคำ เงินสด เข้าถึงซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น และฟ้องจำเลยที่ 2-ที่ 4 ว่าร่วมกันลักทรัพย์โทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น 5 เอส สร้อยคอทองคำ แหวนทองคำ หรือร่วมกันรับของโจร ร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม
ก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1 คือ ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือ ผู้กองเหน่ง สถานเดียว ในส่วนคดีแพ่ง ให้จำเลยที่ 1 คือ ร.อ.ศุภชัย ชำระค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอื่นๆ แก่โจทก์ร่วมทั้ง 4 เป็นเงิน 300,000 บาท ชำระค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ร่วมที่ 1 เป็นเงิน 324,000 บาท ชำระค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ร่วมที่ 2 เป็นเงิน 216,000 บาท ชำระค่าขาดไร้อุปการะและขาดแรงงานในครัวเรือนแก่โจทก์ร่วมที่ 3 เป็นเงิน 216,000 บาท และชำระค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ร่วมที่ 4 เป็นเงิน 1,320,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,760,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี สำหรับจำเลยที่ 2-ที่ 4 ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อหา เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์ และโจทก์ร่วมทั้ง 4 ฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2-ที่ 4 ไม่ได้กระทำความผิดจริงตามที่โจทก์ฟ้องแต่อย่างใด
นายประสิทธิศักดิ์ ฝอยทอง ประธานสภาทนายความ จ.กันทรลักษ์ และเป็นทนายความให้แก่พ่อแม่ของ ผอ.อ้อย เหยื่อฆาตกรโหด กล่าวภายหลังจากศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้วว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ประหารชีวิต ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง จำเลยที่ 1 สถานเดียว มีแก้แค่เรื่องบัตรประชาชนเท่านั้นที่ให้ยกฟ้อง และแก้ในส่วนคดีแพ่ง คือ จากเดิมชำระค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอื่นๆ แก่โจทก์ร่วมทั้ง 4 จำนวนเงิน 2,760,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี แก้เป็น ชำระค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอื่นๆ แก่โจทก์ร่วมทั้ง 4 เป็นจำนวนเงิน 3,510,000 บาท ให้แก่โจทก์ร่วมทั้ง 4 ซึ่งตนในฐานะทนายความของโจทก์ต้องขอขอบคุณตำรวจชุดสืบสวน สภ.กันทรลักษ์ ภ.จว.ศรีสะเกษ ชุดสืบสวน ภาค 3 ภาค 4 กองปราบปราม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัยการจังหวัดกันทรลักษ์ที่ทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา
ทางด้าน นางแหลม อุ่นอ่อน แม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย กล่าวว่า ตนพอใจคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ได้ให้ความเมตตาต่อความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของตนและครอบครัวในครั้งนี้ เพราะน้องอ้อยเป็นเสาหลักที่หาเลี้ยงตนและครอบครัวมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามตนจะได้หารือกับญาติพี่น้องและทีมทนายความเพื่อยื่นศาลฎีกาต่อไป