ลำปาง - พิรุธจริง..เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ “ลับ ลวง พราง” ไม่พอ สอบอดีตเณรเหยื่อกามครูบาฉาว-เจ้าสำนักสงฆ์ดังลำปาง สั่งญาติผู้เสียหายลงจากตึกอัยการฯ เจอสื่อให้วิ่งหนีซ้ำ
ความคืบหน้ากรณีทีมสหวิชาชีพ-ตำรวจ สภ.เมืองลำปางเรียกสอบปากคำอดีตเณร บี (ด.ช.บี) เมื่อวานนี้ (13 ส.ค.) หลังเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าถูกครูบารูปหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าสำนักสงฆ์ชื่อดังล่วงละเมิดทางเพศขณะบวชอยู่ กระทั่งพระใบฎีกาชนาเมธ อตฺตทีโป ดร.พระนพสิทธิ์ สุทธจิตโต พระวินยาธิการฝ่ายธรรมยุต หรือตำรวจพระ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สอบ ขณะที่พ่อของผู้เสียหายยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และขอความช่วยเหลือด้านคดีเนื่องจากถูกข่มขู่กดดันนั้น
ซึ่งพ่อ ย่า น้า ป้า รวมทั้งทนายความ ได้พยายามแจ้งขณะนำตัวอดีตเณรบีเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน-ทีมสหวิชาชีพว่า ผู้เสียหายยังไม่พร้อม ยังรู้สึกหวาดกลัว และยังให้ข้อมูลได้ไม่เต็มที่ ก่อนที่จะเดินทางมายังอยู่ในอาการซึม ร้องไห้ และนั่งเหม่อบ้าง หากให้ปากคำอาจมีผลเสียต่อรูปคดีได้
แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าต้องสอบปากคำให้เสร็จ ก่อนจะนำตัว ด.ช.บีออกจาก สภ.เมืองลำปางทางประตูหลัง ขณะที่พ่อ น้า ญาติ รวมถึงทนายความไม่ทราบเรื่อง โดยพนักงานสอบสวนได้ออกมาบอกพ่อและน้าว่าจะนำตัวเด็กไปสอบสวนพร้อมสหวิชาชีพที่สำนักงานอัยการจังหวัด แต่หลังจากนั้นไม่นานได้บอกเปลี่ยนสถานที่ใหม่ให้ญาติและทนายตามไปที่ศาลเด็กและเยาวชนแทน
แต่ปรากฏว่าพ่อและญาติรวมถึงทนายความถูกหลอกให้ไปที่ศาลฯ อีก เพราะเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้เสียหายไปสอบที่สำนักงานอัยการ ทำให้พ่อ ญาติ และทนายความต้องย้อนกลับมาที่สำนักงานอัยการกันอีกครั้ง
กระทั่งเย็น (16.30 น. 13 ส.ค.) หลังจากทราบว่าสหวิชาชีพนำผู้เสียหายไปสอบที่สำนักงานอัยการฯ ผู้สื่อข่าวก็ได้ติดตามไป พบอดีตเณรบียังถูกสอบปากคำอยู่ในห้อง จึงพากันรออยู่ภายนอก
ทันทีที่เห็นครอบครัวและผู้เสียหายเดินลงมาพร้อมพนักงานสอบสวน ผู้สื่อข่าวได้ตามไป แต่ปรากฏว่าทางครอบครัวและเด็กต่างกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เมื่อผู้สื่อข่าวตามไปถึงที่รถทั้งหมดก็รีบขึ้นรถ เมื่อผู้สื่อข่าวถาม ทางพ่อเด็กบอกเพียงว่า..ยังไม่ได้ข้อสรุป แล้วก็รีบขึ้นนั่งหลังรถยนต์กระบะออกไปทันที
ขณะที่พนักงานสอบสวนบอกเพียงว่า วันนี้ (13 ส.ค.) ได้สอบปากคำเด็กบางส่วนเท่าที่ทำได้ เมื่อถามว่า ทำไมถึงไม่รอให้ผู้เสียหายพร้อมก่อน เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ให้เหตุผลอะไรต่อ บอกเพียงว่าก็จะค่อยๆ สอบไป เมื่อสอบเด็กเสร็จก็จะสอบส่วนอื่นต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สอบพระหนึ่งรูปที่เด็กอ้างว่าพาหนีแล้วปรากฏว่าเด็กขอให้พระช่วยหลบหนีจริง แต่พระไม่ได้ไปแต่ให้อีกคนหนึ่งไปรับแทน ซึ่งข้อมูลก็ตรงกับที่เด็กพูด
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสงสัยว่าทำไมท่าทีของครอบครัวเด็กผู้เสียหายถึงเปลี่ยนไป จากเดิมที่เป็นผู้แจ้งสื่อขอให้มาช่วยทำข่าวเพราะกลัวเรื่องเงียบและถูกข่มขู่กดดัน กลายเป็นกลัวผู้สื่อข่าวลักษณะไม่อยากให้ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามหลังจากนั้น
เบื้องต้นได้รับแจ้งจากญาติอดีตเณรบีว่าก่อนที่จะลงมาจากสำนักงานอัยการฯ เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพสั่งไว้ว่า..หากเดินลงมาจากสำนักงานฯ และเห็นนักข่าวให้วิ่งไปขึ้นรถและรีบออกไป ซึ่งทางครอบครัวเด็กก็ทำตามเพราะยังทราบว่าใครเป็นใคร