เชียงใหม่ - พร้อมกระหึ่มเมืองเชียงใหม่..“เชฟเจมส์ โนเบิล” เชฟระดับร้านมิชลิน 2 ดาว นำประสบการณ์ในวงการอาหารโลกนานกว่า 3 ทศวรรษปักหลักเปิดฟาร์ม-ร้าน Waiting for May ร้านอาหารออร์แกนิกไร้เมนูแห่งแรกแห่งเดียวในไทย 2 สิงหาฯ นี้
แม้ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงที่โควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ธุรกิจทุกภาคส่วน แต่วงการอาหารเชียงใหม่อาจต้องระอุ เมื่อ “เจมส์ โนเบิล” เจ้าของร้านอาหารดัง Boutiqe Farmer Pak Nam Pran ที่โด่งดังชนิดเซเลบ ไฮโซ จากเมืองกรุงต้องขับรถไปกินถึงปากน้ำปราณ หัวหิน จ.เพชรบุรี ด้วยชื่อเสียงความอร่อยมหัศจรรย์และละเอียดพิถีพิถันตั้งแต่การปลูก ทั้งผลิตวัตถุดิบเครื่องปรุงอาหารต่างๆ ด้วยตัวเองแบบออร์แกนิก ได้มาปักหลักทำฟาร์มออร์แกนิก The ORI9IN Farm เปิดร้าน Waiting for May ที่เชียงใหม่ ซึ่งต่อไปบรรดาลูกค้าจากร้านเดิมต้องบินมากินที่นี่แทน
เชฟ เจมส์ โนเบิล James Noble อดีตเชฟในร้านมิชลิน 2 ดาว และอดีตผู้จัดการโรงแรมระดับห้าดาว หลังจากที่ได้พบรักแต่งงานกับ “เมย์” สาวไทยชาว จ.บุรีรัมย์ เจ้าของรีสอร์ตเล็กๆ ในหัวหิน ทั้งคู่ได้ซื้อที่ดินแปลงเล็กขนาด 2 ไร่ที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ แล้วลงมือทำสวนผักสมุนไพร ปลูกผักกินเอง
และส่งตามร้านอาหารระดับห้าดาวในกรุงเทพฯ ให้กับเพื่อนๆ เชฟ เช่น Paste Bangkok ร้านอาหารไทยที่ศูนย์การค้าเกษร Gaggan ร้านของเชฟอินเดียที่ได้รางวัลหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก Sühring ร้านอาหารเยอรมันของเชฟพี่น้องฝาแฝด J’aime by Jean Michel Lorain ที่สาทร Fireplace ร้านสเต๊กใน InterContinental Bangkok และร้าน Le Normandie ที่แมนดาริน โอเรียนเต็ล ฯลฯ ซึ่งเชฟชื่อดังต่างก็ต้องการผักออร์แกนิกคุณภาพจากสวนที่ปราณบุรีของเชฟเจมส์ทั้งนั้น
เจมส์ โนเบิล ผู้ที่กำลังจะสร้างประวัติศาสต์หน้าใหม่ให้กับวงการอาหารเชียงใหม่ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่าตัดสินใจย้ายมาอยู่เชียงใหม่ เพราะที่เดิมที่ปราณบุรีนั้นเล็กเกินไป และภาคใต้มีแค่สองฤดูคือร้อนกับฝน แต่ทางเหนือมีสามฤดู ทั้งฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว มีสภาพอากาศที่เหมาะสมสามารถปลูกผักได้หลากหลายชนิดมากกว่า
โดยได้เริ่มทำสวนออร์แกนิกที่แม่แฝก อ.สันทราย ตั้งแต่ปีที่แล้ว ในชื่อ The ORI9IN Farm ซึ่งเลข 9 ก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ นั่นเอง ตนทำสวนตามแนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน ปลูก เลี้ยงทุกอย่างที่กิน และมีเหลือเผื่อขาย ซึ่งเป็นทิศทางที่กำลังจะได้รับความนิยมอย่างสูงไปทั่วโลกที่ตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อม
“แนวคิดของผมมองว่านี่คือความยั่งยืนอย่างแท้จริง การใช้ชีวิตในแนวทางนิยมธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่บริโภคอาหารที่ปราศจากสารเคมีหรือออร์แกนิกเท่านั้น แต่มันคือวิถีชีวิต ไม่สร้างภาระให้กับโลก ป้องกันการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติให้ได้มากที่สุด ไม่กินอาหารออร์แกนิกที่ต้องขนส่งมาจากแดนไกล เพราะการขนส่งทำให้เกิดมลพิษ เราต้องช่วยกันลดคาร์บอนฟุตพรินต์ กินอาหารที่ผลิตในรัศมี 30 กิโลเมตร นี่คือสิ่งที่เราต้องทำช่วยกันเพื่อโลก”
ร้านอาหาร Waiting for May นี้เป็นร้านที่เปิดขึ้นเพื่อทดลองระบบ ทดลองตลาด และเสนอแนวทางร้านอาหารตามความคิดของตัวเอง ร้านนี้เป็น White menu คือเมนูสีขาว เป็นเมนูว่างเปล่า ลูกค้าจะได้รับประทานอาหารตามวัตถุดิบสดใหม่ที่มาจากฟาร์มออริจิน และตนกับทีมงานเชฟก็จะรังสรรค์อาหารจานต่างๆ ตามวัตถุดิบที่มีมาในแต่ละวัน
เชฟเจมส์บอกว่า ถ้าจานไหนลูกค้าชอบก็จะสามารถสั่งซ้ำได้อีกในมื้อนั้นๆ อาหารจะเปลี่ยนไปทุกวัน เราจะสร้างสรรค์รายการอาหารหลากหลายตามแนวคิดในคอนเซ็ปต์ Ecletic ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ มีสไตล์ มีรสชาติจากวัตถุดิบที่หลากหลายที่เราปลูกเอง เป็น Plant to Plate ปลูกเพื่อนำสู่จานอาหารของคุณโดยเฉพาะ เป็นเกษตรกรรมธรรมชาติที่ไม่ได้ใช้เครื่องจักรกลอะไรเลย
“เมืองไทยมีดินดีอากาศดีสามารถปลูกพืชผักได้ทุกอย่าง ซึ่งผมพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งการเพาะปลูกและการทำอาหาร ซึ่งร้าน Waiting for May นี้ในอนาคตเมื่อร้านเป็นที่รู้จักกันดีแล้วอาจจะย้ายเข้าไปอยู่ที่ฟาร์มออริจินที่แม่แฝก อ.สันทราย เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับบรรยากาศของฟาร์ม ได้รับพลังงานที่ดีกลับไปด้วย”
เชฟเจมส์ยังได้เปิดเผยต่อว่า ตนมีความรู้สึกสนุกและตื่นเต้นเมื่อได้ไปตามตลาดท้องถิ่นต่างๆ ในเชียงใหม่ ได้สัมผัสกับวิถีวัฒนธรรมอาหารของคนเชียงใหม่ ซึ่งน่าสนใจมาก ได้เรียนรู้หลายๆ อย่างจากแม่ครัวเก่งๆ ได้ฝึกทำไส้อั่วที่เป็นอาหารโปรดส่วนตัว และเป็นอาหารขึ้นชื่อของเชียงใหม่ที่อุดมไปด้วยสมุนไพรเครื่องเทศที่ร้อนแรง ทั้งยังได้ทดลองทำและจัดเสิร์ฟในสไตล์ของตัวเองโดยที่ยังไม่ทิ้งสูตรดั้งเดิมที่เคยฝึกมา มีหลายๆ สิ่งที่ท้าทายมากมายที่เชียงใหม่ที่ตนจะต้องได้เรียนรู้ต่อไป
Waiting for May ร้านอาหารออร์แกนิกในสไตล์ไร้เมนู อาหารทุกจานจะได้รับการรังสรรค์จากเชฟเจมส์ โนเบิล พร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวันที่ 2 สิงหาคมนี้ ช่วงนี้เป็นช่วงทดสอบการให้บริการและรสชาติอาหาร โดยเชิญผู้คนหลากหลายจากสังคมเมืองเชียงใหม่มาทดลองรับประทานอาหารในสไตล์ของเชฟเจมส์
คาดว่าร้าน Waiting for May จะเป็นจุดหมายสำคัญของนักชิมชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวที่มาเชียงใหม่ต้องมาชิมให้ได้ เป็นหนึ่งในร้านที่ต้องมาของเชียงใหม่ ด้วยสไตล์และแนวคิดที่ให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในกระแสหลักตอนนี้ ซึ่งขณะที่อยู่ในช่วงร้านทดลองระบบการให้บริการก็ยังมีลูกค้าจากกรุงเทพฯ จองมารับประทานอาหารอยู่เรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากร้านเดิมที่ปราณบุรีนั่นเอง
เชฟเจมส์กล่าวด้วยว่า ที่ตนเปิดร้านอาหารในรูปแบบนี้และดำเนินชีวิตในวิถีที่สอดคล้องกับธรรมชาติ นอกจากเหตุผลในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่ดีแล้ว ส่วนหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือลูกสาวคือน้องแนนซี่ ตนเป็นห่วงว่าเขาจะต้องเติบโตต่อไปในวันข้างหน้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปมากขึ้นทุกๆ วันท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่แย่ลงไปเรื่อยๆ จึงอยากจะกรุยเส้นทางเดินไว้ให้เขา ปูพื้นฐานการใช้ชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติให้เขา เพื่อเป็นภูมิต้านทานที่แข็งแรงในการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคต นี่คือแรงบันดาลใจที่สำคัญที่สุดในการทำฟาร์มและร้านอาหารในสไตล์นี้ออกมา
ร้าน Waiting for May ตั้งอยู่บนถนนสมโภชน์รัตนโกสินทร์ 200 ปี ย่านแยกรวมโชค หมายเลขโทรศัพท์ 08-2183-6505