นายกสมาคมนักธุรกิจฯ พัทยา ชี้โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” กระตุ้นการเข้าพักในพื้นที่

ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ชี้โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” กระตุ้นการเข้าพักและการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้ดี ขณะที่พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนหลังการระบาดของโรคโควิด-19 พบ “พูลวิลล่า” ได้รับความนิยมมากขึ้น

วันนี้ (25 ก.ค.) นายเอกสิทธิ์ งามพิเชษฐ์ นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของเมืองพัทยาในช่วงหยุดยาว 4 วัน วันที่ 25-28 ก.ค.นี้ว่า เมืองพัทยา ยังคงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี โดยขณะนี้โรงแรมระดับ 4-5 ดาว และโรงแรมบริเวณริมชายหาด ได้ถูกจับจองห้องพักเต็มจนเกือบหมด

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเริ่มเข้ามาพักและท่องเที่ยวในเมืองพัทยามากขึ้น คือ โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลที่ช่วยจ่ายค่าที่พักให้แก่นักท่องเที่ยวซึ่งลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ทำให้เกิดการตื่นตัวด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก



อีกทั้งราคาค่าที่พักที่ค่อนข้างถูกจึงทำให้ เมืองพัทยา ยังคงเป็นทางเลือกในการเดินทางการท่องเที่ยว เช่นเดียวกับการจัดโครงการ “Pattaya Hot deal” ที่มอบส่วนลดค่าที่พักให้แก่นักท่องเที่ยวมากถึง 50% ที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวเดินทางเข้าพักยังเมืองพัทยามากขึ้น

"ขณะที่รูปแบบการนักท่องเที่ยวหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พบว่า นักท่องเที่ยวนิยมการเข้าพักในโรงแรมต่างๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยบางส่วนยังคงนิยมการเข้าพักในโรงแรม ขณะที่นักท่องเที่ยวบางส่วนซึ่งเดินทางมาเป็นกรุ๊ปก็จะเข้าพักในที่พักซึ่งเป็นลักษณะ “พูลวิลล่า” เนื่องจากมีราคาไม่แพงและนอกจากจะมีห้องพักแล้ว ยังมีสระว่ายน้ำ สำหรับกิจกรรมส่วนตัวได้"


ส่วนกระแสข่าวเรื่องผู้ประกอบการโรงแรมหลายแห่งฉวยโอกาสปรับราคาห้องพักในโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลนั้น ตนเองในฐานะนายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ขอยืนยันว่า โรงแรมในเมืองพัทยามีจำนวนมากกว่า 2,000 แห่ง และมีห้องพักกว่า 1.2 แสนห้อง ไม่พบว่ามีโรงแรมใดฉวยโอกาสกระทำการดังกล่าว

“เพราะจากสภาพความเป็นจริงแล้วการตั้งราคาห้องพักผู้ประกอบการจะต้องทำราคาล่วงหน้าเพื่อประกาศขายในโปรโมชัน ที่สำคัญแม้รัฐบาลจะช่วยจ่ายค่าที่พักให้บางส่วน แต่ทุกวันนี้ผู้ประกอบการห้องพักในเมืองพัทยา ก็ถูกจองเต็มหลายแห่งจึงคิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะกระทำการในลักษณะดงกล่าว ที่สำคัญยังเป็นการทำลายตัวเองมากกว่า” นายเอกสิทธิ์ กล่าว