มหาสารคาม - เผยโจรลอบตัดไม้ในป่าชุมชนโคกดงเค็งใกล้พระธาตุนาดูนกว่า 3,000 ต้นทำกันเป็นขบวนการ ก่อนโค่นวางแผนเป็นขั้นตอน ใช้เวลาลักตัดกว่า 1 เดือน กังขาเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผืนป่าไม่รู้เรื่อง ด้าน สภ.นาดูนส่งสายสืบหาเบาะแสคนร้ายแล้ว
จากกรณีมีกลุ่มบุคคลลักลอบตัดไม้มีค่าในป่าชุมชนโคกดงเค็ง ใกล้พระบรมธาตุนาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม หรือพื้นที่ของสถาบันวิจัยวลัยรุกเวช ภายใต้การกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) จำนวนมากถึง 3,200 ต้น ทันทีที่สังคมออนไลน์ทราบข่าวต่างวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิหน่วยงานผู้ดูแลว่าปล่อยปละละเลย
หลังเกิดเหตุ สภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยหาสารคาม ได้ลงพื้นที่สำรวจพบว่ามีไม้ถูกตัดจำนวนกว่า 3,000 ต้นจริงทั้งต้นเล็กต้นใหญ่ พร้อมกับเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ สภ.นาดูน เพื่อหาผู้ที่กระทำผิดมาลงโทษ
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพบกับเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลนาดูน ซึ่งบังเอิญเดินทางมาสำรวจแนวป่าและต้นไม้ที่ถูกลักลอบตัดเช่นเดียวกัน
นายรักชาติ เนาวรัตน์ ปลัดเทศบาลตำบลนาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบต้นไม้ที่ถูกลอบตัดส่วนใหญ่เป็นไม้จิก หรือต้นเต็ง ซึ่งไม่ถือว่าเป็นไม้ประเภทหวงห้าม แต่ก่อนตัดต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานก่อน ยิ่งลอบตัดในป่าสาธารณะถือว่าผิดกฎหมาย
สำหรับป่าผืนนี้เป็นป่าโคกดงเค็ง เป็นป่าสาธารณะของชุมชน มีพื้นที่จำนวน 900 ไร่ เป็นพื้นที่ของกรมธนารักษ์ หน่วยงานรับผิดชอบ คือ สำนักงานป่าไม้, เทศบาลตำบลนาดูน, สำนักงานกองทุนอนุรักษ์พระธาตุนาดูน ทั้งนี้ ในจำนวนพื้นที่ 900 ไร่นั้นทางสถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช มมส.ขอใช้พื้นที่เพื่อศึกษาธรรมชาติและศึกษาวิจัยต้นไม้พันธุ์ท้องถิ่น จำนวน 550 ไร่
ขณะนี้เทศบาลตำบลนาดูนกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าไม้ที่ถูกลอบตัดมีจำนวนทั้งหมดกี่ต้น ก่อนทำรายงานไปยังอำเภอ และจังหวัดเพื่อขอใช้อำนาจการปกครองท้องถิ่นดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบรอบพื้นที่พบต้นไม้ถูกตัดนับ 1,000 ต้น มีทั้งรอยตัดใหม่ และรอยตัดเก่า ไม่น่าจะเกิน 2-3 เดือน ต้นไม้ประเภทนี้เป็นไม้เนื้อแข็ง เหมาะสำหรับทำเสารั้ว หรือเฟอร์นิเจอร์ ส่วนวิธีการตัดพบว่ามีการตัดกิ่งไม้ออกก่อน หลังจากนั้นค่อยมาตัดต้นไม้ทีหลังเพราะพบต้นไม้ยืนต้นไม่มีกิ่งไม้ และใต้ต้นไม่มีกิ่งไม้เหลืออยู่
คาดว่าทำกันเป็นขบวนการ ส่วนจุดที่ตัดต้นไม้จะอยู่ระหว่างทางเดินเป็นส่วนใหญ่เพราะง่ายต่อการขนย้าย
เมื่อเดินสำรวจไปจนสุดทาง พบมีถนนดินที่ชาวบ้านใช้เดินทางไปทุ่งนา สามารถลัดเลาะออกไปหมู่บ้าน หรือถนนใหญ่ได้ น่าจะเป็นเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี กระนั้นก็ตาม เป็นที่สังเกตว่าต้นไม้ในป่าชุมชนถูกลอบตัดมากมายขนาดนี้เหตุใดหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ดูแลป่าชุมชนแห่งนี้ไม่รู้เรื่อง
ด้าน ร.ต.อ.สุพรรณ นิสาวัน รอง สว. (สอบสวน) สภ.นาดูน เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวหลังจากได้รับแจ้งความจากสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคามแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนออกหาข่าวเพื่อหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวเพิ่มเติมแจ้งว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุว่าไม้ในป่าชุมชนฯ ถูกลอบตัดและเป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่ดูแลของสถาบันวิจัยวลัยรุกเวช ทางสถาบันฯ หรือฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัยมหาสารคามยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ต่อกรณีที่เกิดขึ้น
แม้แต่การเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันก็ไม่ทำ มีแต่สภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยฯ เท่านั้นลงพื้นที่ตรวจสอบและแจ้งความตำรวจ สภ.นาดูน