สระแก้ว - แม่ทัพภาคที่ 1 กำชับหน่วยทหารแนวชายแดนไทย-กัมพูชาฝั่งจังหวัดภาคตะวันออก เข้มสกัดแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง หลังสถิติจับกุมและผลักดันกลับประเทศห้วง 3 เดือนที่ผ่านมาจากการปิดแนวชายแดนป้องกันโควิด-19 สูงถึง 1.6 หมื่นคน
วันนี้ (10 ก.ค.) พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 ได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจับกุมแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายใน ต.ทับพริก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ล่อแหลมต่อการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานชาวกัมพูชา เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเป็นพื้นราบจนสามารถเดินเท้าข้ามแนวชายแดนเข้ามาในฝั่งประเทศไทยได้โดยสะดวก
หลังพบสถิติการจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองในพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในสถานการณ์ค่อนข้างรุนแรง เห็นได้จากผลการจับกุมและผลักดันตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.2563 จนถึงปัจจุบันที่มีแรงงานต่างด้าวถูกผลักดันกลับประเทศแล้ว 16,122 คน แบ่งเป็นการผลักดันตามช่องทางอนุโลม บ้านโนนหมากมุ่น-โอเบยเจือน อ.โคกสูง จำนวน 14,964 คน และช่องทางบ้านเขาดิน-บ้านกิโลสิบสาม อ.คลองหาด จำนวน 1,158 คน
พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 ยอมรับว่าหลังประเทศไทยกำหนดนโยบายปิดแนวชายแดนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 1 ได้กำชับให้หน่วยงานทหารในจังหวัดที่มีพื้นที่รอยต่อกับประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่ จ.ตราด จันทบุรี และ จ.สระแก้ว ต้องเพิ่มมาตรการในการป้องปรามการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองอย่างเข้มงวด หลังตัวเลขการจับกุมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สระแก้ว ที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านถึง 165 กิโลเมตร และง่ายต่อการเดินเท้าข้ามแดน
ขณะที่สถิติผลการจับกุมอื่นๆ ของเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังบูรพา ตั้งแต่ปิดด่านชายแดนจากสถานการณ์โควิด-19 ยังสามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดได้ถึง 40 ครั้ง ผู้ต้องหา 65 คน จับกุมขบวนการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ 5 ครั้ง ได้ผู้ต้องหา 3 คน
และยังจับกุมการกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ 1 ครั้ง จับกุมและตรวจยึดสินค้าไม่ผ่านพิธีการศุลกากร 16 ครั้ง ได้ผู้ต้องหา จำนวน 16 คน