ศบค.เตือนคนแห่เที่ยวไม่เว้นระยะห่าง ไม่ใส่หน้ากาก เสี่ยงติดเชื้อโควิด ชี้แม้ไทยเป็น 0 ต่อเนื่อง แต่อาจมีเชื้อหลงเหลือ เผยต่างด้าวเข้าเมืองผิด กม.ถึง 3 พันกว่าคน ในช่วง 1 เดือน บางส่วนเข้ามาถึงกลางเมือง อาจนำเชื้อเข้ามาด้วย ย้ำต้องป้องกันตนเอง ผู้ประกอบการต้องจัดแบบวิถีใหม่เพิ่มความมั่นใจ
วันนี้ (6 ก.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงกรณีช่วงหยุดยาว คนไปเที่ยวจำนวนมาก หลายพื้นที่ไม่เว้นระยะห่าง ไม่สวมหน้ากาก ว่า แม้ประเทศไทยจะมีรายงานติดเชื้อใสนประเทศเป็น 0 แต่บอกไม่ได้ว่าจะมีคนติดเชื้ออยู่หรือไม่ ขณะคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย มีรายงานว่า ในช่วง 1 เดือน มีประมาณ 3 พันกว่าคนแล้ว บางส่วนผลักดันกลับประเทศ บางส่วนหลบหนีเข้ามากลางเมืองแล้ว ก็ให้มีที่กักขังในที่จัดไว้ ซึ่งตรงนี้อาจเป็นเหตุนำเชื้อเข้ามา เราไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ตรงไหน ดังนั้น ในส่วนของประชาชน การ์ดตกไม่ได้ เรายังไม่มีวัคซีน แต่วัคซีนทางกายภาพ คือ การสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง กลับมาอยู่ในข้อปฏิบัติ การ์ดตกเมื่อไรคือเสี่ยงเมื่อนั้น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนผู้ประกอบกิจการ ท่านต้องการเปิด ต้องการทุกอย่างปกติ แต่ต้องเป็นวิถีใหม่ หากเปิดแล้วทำได้ดี คนมารับบริการไม่ติดเชื้อจากใคร มีการเว้นระยะห่างให้ คนก็จะมั่นใจในกิจการมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเป็นภาพแออัด มีการถ่ายเอาไปลงโซเชียลก็ไม่ดีต่อกิจการท่านเช่นกัน จะคิดว่าไม่มีใครมาตรวจ ได้จากคนมาเที่ยวมาซื้อก็พอแล้ว จะคิดชั้นเดียวไม่ได้ ต้องคิดหลายๆ ชั้น เพราะระบบตรวจสอบจะเกิดจากประชาชนที่ไปใช้บริการเองด้วย สำหรับภาครัฐที่จะตรวจสอบ ตอนนี้ทีมอาจยังไม่เพียงพอ แต่เราย้ำว่าคนไปตรวจต้องระบุตัวตนชัดเจน จึงให้มีการลงทะเบียนในแอปพลิเคชันผู้พิทักษ์ไมยชนะ ซึ่งลงทะเบียนแล้ว 1.7 หมื่นกว่าคน การลงทะเบียนมีการใช้บัตรประชาชน และถ่ายรูปด้วย เพื่อให้ระบบตรวจสอบกันได้ ทำให้แอบอ้างไม่ได้ ถ้าไปตรวจแล้วไปเบ่ง ไปทำอะไรไม่ถูกไม่เหมาะ มีพฤตกรรมไม่เหมาะสม ก็จะตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้
