ผู้จัดการรายวัน360-ศบค.เผยคนไทยกลับจากคูเวตติดโควิด-19 เพิ่ม 5 ราย ทั้งหมดไม่มีอาการ ป่วยสะสมรวม 3,195 ราย ทั่วโลกป่วยพุ่ง 11.55 ล้านราย ยันต่างชาติที่จะมารักษาที่ไทย ลงทะเบียนแล้ว 1,169 ราย ติดตาม 1,500 ราย ไม่มีปล่อยให้พวกติดโควิด-19 เข้า ส่วนคณะ ผบ.ทบ.สหรัฐฯ ต้องทำตามเงื่อนไข 6 ข้อ ตรวจเชื้อก่อนเข้า มาถึงมีทีมประกบ ไม่ออกนอกเส้นทาง ห่วงต่างด้าว 3,000 คนลอบเข้าไทย บางส่วนเข้าสู่ใจกลางเมืองแล้ว หวั่นแพร่โควิด-19
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า วานนี้ (6 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 5 ราย ทั้งหมดเดินทางมาจากประเทศคูเวต เป็นชาย 4 ราย อาชีพรับจ้าง และหญิง 1 ราย อาชีพพนักงานนวด เดินทางมาถึงไทยวันที่ 29 มิ.ย.2563 และเข้าสถานกักกันของรัฐ ตรวจเชื่อพบวันที่ 2 ก.ค.2563 จำนวน 3 ราย และวันที่ 5 ก.ค.2563 อีก 2 ราย ทั้งหมดไม่มีอาการ และมีผู้ป่วยหายกลับบ้านเพิ่ม 1 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,195 ราย แยกเป็นมาจากสถานกักกันของรัฐ 258 ราย ติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย หายกลับบ้านรวม 3,072 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 65 ราย
ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ป่วยรวม 11.55 ล้านราย ป่วยวันเดียว 1.76 แสนราย เสียชีวิต 5.3 แสนราย เสียชีวิตวันเดียว 3,327 ราย โดยสหรัฐฯ อันดับ 1 ของโลก มีผู้ป่วย 2.98 ล้านราย คาดว่าจะแตะ 3 ล้านรายในเร็วๆ นี้ โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ 4.7 หมื่นราย บราซิล ป่วยสะสม 1.6 ล้านราย ป่วยวันเดียว 2.6 หมื่นราย อินเดียสะสม 6.97 แสนราย ป่วยวันเดียว 2.3 หมื่นราย สำหรับเสียชีวิต บราซิลสูงสุด 535 ราย แต่สเปน และฝรั่งเศส มีรายงานป่วยเป็น 0 ต่อเนื่อง 2-3 วัน ยังต้องติดตามกันต่อ ส่วนไทยอยู่ที่อันดับ 97 ของโลก
สำหรับการนำคนไทยกลับจากต่างประเทศ วันที่ 6 ก.ค. มีทั้งหมด 328 คน มาจากสิงคโปร์ 128 คน และเกาหลีใต้ 200 คน วันที่ 7 ก.ค. มาจากญี่ปุ่น 160 คน จีน (เซี่ยงไฮ้) 30 คน และจีน (ปักกิ่ง) 30 คน ทั้งนี้ การกลับมาไม่ถึง 500 คน ก็จะเติมนักธุรกิจจากประเทศนั้นเข้าไปในเที่ยวบินด้วย อย่างจีน (เซี่ยงไฮ้) มีนักธุรกิจ 20 คน ส่วนจีน (ปักกิ่ง) มีนักธุรกิจ 32 คน พอเข้าเมืองไทยจะอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ส่วนคนไทยกลับมาแล้ว 5.29 หมื่นคน กลับบ้านได้ 4.38 หมื่นคน เจอป่วย 258 คน
ทางด้านแพลตฟอร์มไทยชนะ มีกิจการลงทะเบียนแล้ว 2.62 แสนร้าน ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน 6.23 แสนคน เราต้องการความร่วมมือ แม้จะยังไม่มีการติดเชื้อในระบบประเทศไทย แต่ยังไม่มีวัคซีนในร่าง แต่แอปฯ จะเป็นเหมือนวัคซีนภายนอก หากติดเชื้อจะมีการแจ้งเตือนโดยเร็ว ขอให้พกพาไว้ และจากการตรวจในจุดต่างๆ ก็ได้รับความร่วมมือสูงขึ้นเรื่อยๆ บางที่ยังไม่สวมหน้ากากอยู่บ้าง ต้องช่วยกัน การ์ดตกไม่ได้ ซึ่งจากการสำรวจของสวนดุสิตโพล 1,109 คน พบว่า คนกังวลลดลง 52.93% กังวลเหมือนเดิม 29.94% กังวลมากขึ้น 4.69% ไม่กังวล 12.44% เรียกว่า 2 ใน 3 ไม่กังวล อาจทำให้การ์ดตกได้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงกรณีการนำผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารับการรักษาในไทย ว่า การนำคนต่างชาติมารักษา เราใช้คำว่า Medical & Wellness Program ไม่ใช่คำว่า Tourism ต่างๆ เพราะคนเข้ามา คือ คนป่วย เราต้องการให้มีการดูแลผู้ป่วยที่เดินทางเข้ามาในประเทศ โดยระบบเมดิคัล ฮับ ที่เป็นกิจการด้านหนึ่งของไทยที่มีชื่อเสียงมากๆ และขอย้ำว่าเรื่องดังกล่าว กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ป่วยและผู้ติดตามที่มารักษาใน รพ.เท่านั้น ตามโรคเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่โรคโควิด-19 เดินทางด้วยสายการบิน รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ต้องรักษาและกักกันครบ 14 วัน แม้จะรักษาเสร็จก่อนก็ตาม จะไม่ให้มีการกลับก่อน โดยก่อนเข้ามาผลตรวจต้องเป็นลบ และเข้ามาแล้วต้องผ่านการตรวจเชื้อ 3 ครั้ง ขณะนี้ทาง รพ.เอกชน 67 แห่งและคลินิกเฉพาะทาง 1 แห่ง ก็มีความพร้อม
ทั้งนี้ ล่าสุดมีคนขึ้นทะเบียนทั้งหมด 34 ประเทศ รวม 3 เดือน เป็นผู้ป่วยรวม 1,169 ราย ผู้ติดตาม 1,521 คน มาจากอาเซียน 1,685 คน จีน 389 คน ยุโรป 23 คน ตะวันออกกลาง 427 คน เอเชียใต้ 125 คน โอเชียเนีย 2 คน อเมริกาเหนือ 16 คน และแอฟริกา 23 คน
เมื่อถามถึงกรณีผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สหรัฐฯ ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ จะดำเนินการอย่างไร
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เรื่องนี้คนให้ความสนใจอย่างมาก โดยคณะเดินทางนี้ ไม่ได้มาแค่ประเทศไทย แต่มาเชื่อมกันหลายประเทศ โดยก่อนหน้านี้ลงสิงคโปร์ก่อนมาไทย และไปประเทศอื่นด้วย เป็นโปรแกรมที่ถูกวางไว้ก่อนหน้านี้ การเข้ามามีความละเอียดอ่อนในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่ง ศบค.ยืนยันว่า ถ้าเลื่อนได้ก็เลื่อน ถ้าเลื่อนไม่ได้ ก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบ เพราะสถานการณ์ก็ยังมีโรคติดต่ออยู่ สหรัฐฯ ก็ป่วยอันดับ 1 เราก็แลกเปลี่ยนความห่วงใยนี้กับทางทีมผู้เดินทาง ซึ่งทางนั้นก็รับทราบและเข้าใจดี ใน 6 ข้อ คือ 1.เป็นชุดเล็กไม่เกิน 10 คน 2.เข้ามาระยะสั้น 3.ตรวจเชื้อก่อนมา และตรวจที่ไทยเมื่อถึง โดยต้องเป็นลบ 2 ทางถึงเข้ามา 4.หน่วยงานเจ้าภาพต้องจัดคนติดตาม 5.มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หน่วยงานมั่นคงประกบติดไปด้วย 6.จำกัดพื้นที่ในตารางเท่านั้น ไม่ไปในสถานที่สาธารณะ และต้องใช้ขนส่งมวลชนส่วนตัว
"ผู้เป็นแขกก็ให้ความร่วมมืออย่างดี แต่มีข้อห่วงใยหลายคน จะไปพบนายกฯ ซึ่งท่านมีความสำคัญระดับสูงของไทย สิ่งที่ทางแขกทั้งหลายเข้ามา เราก็ต้องร้องขอปฏิบัติ โดยเฉพาะการใส่หน้ากาก ก่อนหน้านี้ มีการลงภาพข่าวแขกต่างประเทศ มีปฏิบัติบ้างไม่ปฏิบัติบ้าง อันนี้เป็นข้อห่วงใยเช่นกัน ต้องร้องขอความร่วมมือทุกท่านที่เข้ามาในไทย ก็เชื่อว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างดี"นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า หน่วยงานความมั่นคงรายงานว่าช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ลักลอบเข้าประเทศตามช่องทางชายแดนทางบกกว่า 3,000 คน ซึ่งบางส่วนอยู่ในการดูแลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) โดยนำมากักตัวไว้ ขณะที่บางส่วนได้ผลักดันกลับประเทศ และบางส่วนเข้าสู่กลางเมืองแล้ว ก็นำมาจัดการให้มีที่กักขังให้อยู่ในสถานที่ที่เราจัดไว้ให้ ดังนั้น ในช่วงวันหยุดยาว ที่ประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยว จึงจำเป็นต้องป้องกันตัวเอง การ์ดอย่าตก เพราะมีผู้ลักลอบเข้าประเทศมาปะปนในประเทศของเรา
น.พ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1-5 ก.ค.2563 มีชาวต่างชาติที่มีความจำเป็นต้องเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลโรคต่างๆ ที่ไม่ใช่การรักษาโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ จำนวน 3 ราย ทั้งหมดเป็นผู้ป่วยเก่าที่เคยมารับการรักษาพยาบาลอยู่แล้ว โดยผู้ป่วยและผู้ติดตามต้องผ่านการตรวจ ซึ่งไม่พบเชื้อโควิด-19 ที่ประเทศต้นทาง และมีเอกสารสำคัญครบถ้วน ก่อนได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยจะมีการคัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ ต้องเดินทางโดยยานพาหนะของสถานพยาบาลเท่านั้น มีระบบติดตามตัว หรือติดตั้งแอปพลิเคชันตามที่ทางราชการกำหนด และต้องตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 อีก 3 ครั้ง ต้องกักกันตัวที่โรงพยาบาลจนครบ 14 วัน จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดของประเทศไทย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า วานนี้ (6 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 5 ราย ทั้งหมดเดินทางมาจากประเทศคูเวต เป็นชาย 4 ราย อาชีพรับจ้าง และหญิง 1 ราย อาชีพพนักงานนวด เดินทางมาถึงไทยวันที่ 29 มิ.ย.2563 และเข้าสถานกักกันของรัฐ ตรวจเชื่อพบวันที่ 2 ก.ค.2563 จำนวน 3 ราย และวันที่ 5 ก.ค.2563 อีก 2 ราย ทั้งหมดไม่มีอาการ และมีผู้ป่วยหายกลับบ้านเพิ่ม 1 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,195 ราย แยกเป็นมาจากสถานกักกันของรัฐ 258 ราย ติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย หายกลับบ้านรวม 3,072 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 65 ราย
ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ป่วยรวม 11.55 ล้านราย ป่วยวันเดียว 1.76 แสนราย เสียชีวิต 5.3 แสนราย เสียชีวิตวันเดียว 3,327 ราย โดยสหรัฐฯ อันดับ 1 ของโลก มีผู้ป่วย 2.98 ล้านราย คาดว่าจะแตะ 3 ล้านรายในเร็วๆ นี้ โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ 4.7 หมื่นราย บราซิล ป่วยสะสม 1.6 ล้านราย ป่วยวันเดียว 2.6 หมื่นราย อินเดียสะสม 6.97 แสนราย ป่วยวันเดียว 2.3 หมื่นราย สำหรับเสียชีวิต บราซิลสูงสุด 535 ราย แต่สเปน และฝรั่งเศส มีรายงานป่วยเป็น 0 ต่อเนื่อง 2-3 วัน ยังต้องติดตามกันต่อ ส่วนไทยอยู่ที่อันดับ 97 ของโลก
สำหรับการนำคนไทยกลับจากต่างประเทศ วันที่ 6 ก.ค. มีทั้งหมด 328 คน มาจากสิงคโปร์ 128 คน และเกาหลีใต้ 200 คน วันที่ 7 ก.ค. มาจากญี่ปุ่น 160 คน จีน (เซี่ยงไฮ้) 30 คน และจีน (ปักกิ่ง) 30 คน ทั้งนี้ การกลับมาไม่ถึง 500 คน ก็จะเติมนักธุรกิจจากประเทศนั้นเข้าไปในเที่ยวบินด้วย อย่างจีน (เซี่ยงไฮ้) มีนักธุรกิจ 20 คน ส่วนจีน (ปักกิ่ง) มีนักธุรกิจ 32 คน พอเข้าเมืองไทยจะอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ส่วนคนไทยกลับมาแล้ว 5.29 หมื่นคน กลับบ้านได้ 4.38 หมื่นคน เจอป่วย 258 คน
ทางด้านแพลตฟอร์มไทยชนะ มีกิจการลงทะเบียนแล้ว 2.62 แสนร้าน ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน 6.23 แสนคน เราต้องการความร่วมมือ แม้จะยังไม่มีการติดเชื้อในระบบประเทศไทย แต่ยังไม่มีวัคซีนในร่าง แต่แอปฯ จะเป็นเหมือนวัคซีนภายนอก หากติดเชื้อจะมีการแจ้งเตือนโดยเร็ว ขอให้พกพาไว้ และจากการตรวจในจุดต่างๆ ก็ได้รับความร่วมมือสูงขึ้นเรื่อยๆ บางที่ยังไม่สวมหน้ากากอยู่บ้าง ต้องช่วยกัน การ์ดตกไม่ได้ ซึ่งจากการสำรวจของสวนดุสิตโพล 1,109 คน พบว่า คนกังวลลดลง 52.93% กังวลเหมือนเดิม 29.94% กังวลมากขึ้น 4.69% ไม่กังวล 12.44% เรียกว่า 2 ใน 3 ไม่กังวล อาจทำให้การ์ดตกได้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงกรณีการนำผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารับการรักษาในไทย ว่า การนำคนต่างชาติมารักษา เราใช้คำว่า Medical & Wellness Program ไม่ใช่คำว่า Tourism ต่างๆ เพราะคนเข้ามา คือ คนป่วย เราต้องการให้มีการดูแลผู้ป่วยที่เดินทางเข้ามาในประเทศ โดยระบบเมดิคัล ฮับ ที่เป็นกิจการด้านหนึ่งของไทยที่มีชื่อเสียงมากๆ และขอย้ำว่าเรื่องดังกล่าว กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ป่วยและผู้ติดตามที่มารักษาใน รพ.เท่านั้น ตามโรคเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่โรคโควิด-19 เดินทางด้วยสายการบิน รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ต้องรักษาและกักกันครบ 14 วัน แม้จะรักษาเสร็จก่อนก็ตาม จะไม่ให้มีการกลับก่อน โดยก่อนเข้ามาผลตรวจต้องเป็นลบ และเข้ามาแล้วต้องผ่านการตรวจเชื้อ 3 ครั้ง ขณะนี้ทาง รพ.เอกชน 67 แห่งและคลินิกเฉพาะทาง 1 แห่ง ก็มีความพร้อม
ทั้งนี้ ล่าสุดมีคนขึ้นทะเบียนทั้งหมด 34 ประเทศ รวม 3 เดือน เป็นผู้ป่วยรวม 1,169 ราย ผู้ติดตาม 1,521 คน มาจากอาเซียน 1,685 คน จีน 389 คน ยุโรป 23 คน ตะวันออกกลาง 427 คน เอเชียใต้ 125 คน โอเชียเนีย 2 คน อเมริกาเหนือ 16 คน และแอฟริกา 23 คน
เมื่อถามถึงกรณีผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สหรัฐฯ ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ จะดำเนินการอย่างไร
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เรื่องนี้คนให้ความสนใจอย่างมาก โดยคณะเดินทางนี้ ไม่ได้มาแค่ประเทศไทย แต่มาเชื่อมกันหลายประเทศ โดยก่อนหน้านี้ลงสิงคโปร์ก่อนมาไทย และไปประเทศอื่นด้วย เป็นโปรแกรมที่ถูกวางไว้ก่อนหน้านี้ การเข้ามามีความละเอียดอ่อนในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่ง ศบค.ยืนยันว่า ถ้าเลื่อนได้ก็เลื่อน ถ้าเลื่อนไม่ได้ ก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบ เพราะสถานการณ์ก็ยังมีโรคติดต่ออยู่ สหรัฐฯ ก็ป่วยอันดับ 1 เราก็แลกเปลี่ยนความห่วงใยนี้กับทางทีมผู้เดินทาง ซึ่งทางนั้นก็รับทราบและเข้าใจดี ใน 6 ข้อ คือ 1.เป็นชุดเล็กไม่เกิน 10 คน 2.เข้ามาระยะสั้น 3.ตรวจเชื้อก่อนมา และตรวจที่ไทยเมื่อถึง โดยต้องเป็นลบ 2 ทางถึงเข้ามา 4.หน่วยงานเจ้าภาพต้องจัดคนติดตาม 5.มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หน่วยงานมั่นคงประกบติดไปด้วย 6.จำกัดพื้นที่ในตารางเท่านั้น ไม่ไปในสถานที่สาธารณะ และต้องใช้ขนส่งมวลชนส่วนตัว
"ผู้เป็นแขกก็ให้ความร่วมมืออย่างดี แต่มีข้อห่วงใยหลายคน จะไปพบนายกฯ ซึ่งท่านมีความสำคัญระดับสูงของไทย สิ่งที่ทางแขกทั้งหลายเข้ามา เราก็ต้องร้องขอปฏิบัติ โดยเฉพาะการใส่หน้ากาก ก่อนหน้านี้ มีการลงภาพข่าวแขกต่างประเทศ มีปฏิบัติบ้างไม่ปฏิบัติบ้าง อันนี้เป็นข้อห่วงใยเช่นกัน ต้องร้องขอความร่วมมือทุกท่านที่เข้ามาในไทย ก็เชื่อว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างดี"นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า หน่วยงานความมั่นคงรายงานว่าช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ลักลอบเข้าประเทศตามช่องทางชายแดนทางบกกว่า 3,000 คน ซึ่งบางส่วนอยู่ในการดูแลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) โดยนำมากักตัวไว้ ขณะที่บางส่วนได้ผลักดันกลับประเทศ และบางส่วนเข้าสู่กลางเมืองแล้ว ก็นำมาจัดการให้มีที่กักขังให้อยู่ในสถานที่ที่เราจัดไว้ให้ ดังนั้น ในช่วงวันหยุดยาว ที่ประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยว จึงจำเป็นต้องป้องกันตัวเอง การ์ดอย่าตก เพราะมีผู้ลักลอบเข้าประเทศมาปะปนในประเทศของเรา
น.พ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1-5 ก.ค.2563 มีชาวต่างชาติที่มีความจำเป็นต้องเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลโรคต่างๆ ที่ไม่ใช่การรักษาโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ จำนวน 3 ราย ทั้งหมดเป็นผู้ป่วยเก่าที่เคยมารับการรักษาพยาบาลอยู่แล้ว โดยผู้ป่วยและผู้ติดตามต้องผ่านการตรวจ ซึ่งไม่พบเชื้อโควิด-19 ที่ประเทศต้นทาง และมีเอกสารสำคัญครบถ้วน ก่อนได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยจะมีการคัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ ต้องเดินทางโดยยานพาหนะของสถานพยาบาลเท่านั้น มีระบบติดตามตัว หรือติดตั้งแอปพลิเคชันตามที่ทางราชการกำหนด และต้องตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 อีก 3 ครั้ง ต้องกักกันตัวที่โรงพยาบาลจนครบ 14 วัน จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดของประเทศไทย