เพชรบูรณ์ - วิจารณ์กันให้แซ่ด..นักข่าวใหญ่ยอมรับออกโรงยื่นหนังสือถึงมือ รมช.มหาดไทย ฝากฝังดัน ขรก.นั่งเก้าอี้รองผู้ว่าฯ เมืองมะขามหวาน ขณะที่เจ้าตัวรับทำจริงพร้อมยืนยันไร้ผลประโยชน์ทับซ้อน บอกต้องการสนับสนุนคนดี
กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั่วแวดวงข้าราชการและชาวเพชรบูรณ์ หลังจากมีสำเนาเอกสารระบุชื่อนายศุภผล จริงจิตร สื่อมวลชนเพชรบูรณ์คนหนึ่ง ซึ่งเป็นกรรมการองค์กรต่างๆ นอกจากนี้ยังดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหารองค์กรสื่อระดับประเทศแห่งหนึ่ง ได้ทำหนังสือถึงนายนิพนธ์ ปุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 และยังส่ง SMS ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยในเบื้องต้นแล้ว
โดยอ้างสถานะสื่อมวลชนและความเป็นคนใต้ด้วยกัน ระบุเนื้อหาโดยสรุปว่า ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ จังหวัดเพชรบูรณ์จะมีผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์พร้อมรองผู้ว่าฯ อีก 2 คนครบวาระเกษียณอายุราชการ ทำให้เหลือเพียงนายนิเวศน์ หาญสมุทร์ รองผู้ว่าฯ เพียงคนเดียว จึงเสนอข้าราชการรายหนึ่งขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์
หนังสือดังกล่าวอ้างเหตุผลที่ผลักดันข้าราชการรายนี้ด้วยว่า ในฐานะที่ทำหน้าที่สื่อมวลชน เคยร่วมประชุมหรือร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ของพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนตลอดมา เห็นการทำงานของข้าราชการรายนี้มีแต่รอยยิ้มให้แก่ข้าราชการและประชาชน จึงขอฝากรัฐมนตรีฯ ให้ความอนุเคราะห์ข้าราชการคนนี้ขึ้นเป็นรองผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์
อย่างไรก็ตาม หลังจากสำเนาหนังสือดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ตามไลน์กลุ่มต่างๆ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่มุมต่างๆ กันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเรื่องหน้าที่สื่อมวลชนที่ทำกันถึงขนาดนี้ด้วย
นายศุภผล จริงจิตร ได้ให้สัมภาษณ์โดยชี้แจงถึงหนังสือเอกสารดังกล่าว โดยยอมรับว่าตนทำหนังสือดังกล่าวจริง รวมทั้งได้ยื่นให้นายนิพนธ์ขณะลงพื้นที่ติดตามงานที่ จ.เพชรบูรณ์ ในฐานะที่เห็นข้าราชการรายนี้เป็นคนทำงานและดูแลประชาชน จึงต้องการสนับสนุนให้คนดีมีโอกาสได้ขึ้นเป็นรองผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ เพราะที่ผ่านมาทาง มท.แต่งตั้งผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ โดยไม่เคยฟังเสียงชาวเพชรบูรณ์ จนบางครั้งการทำงานไม่เข้าตาชาวเพชรบูรณ์
นายศุภผลยืนยันว่าไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน จากการสอบถามความเห็นของข้าราชการและอดีตข้าราชการหลายคน หรือนักการเมืองหลายคนต่างก็เห็นด้วยหรือไม่ขัดหากจะช่วยสนับสนุนข้าราชการคนนี้ ทั้งนี้ ในการเสนอชื่อข้าราชการรายนี้ทางเจ้าตัวไม่ทราบ แต่หลังยื่นหนังสือให้นายนิพนธ์แล้ว จึงได้แจ้งให้ทราบก็ไม่มีการทักท้วงอะไร