ประจวบคีรีขันธ์ - ชาวบ้านสงสัย อยากให้จังหวัดประจวบฯ ชี้ ความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสอบ กรณีเงินหลวงหาย 33.9 ล้าน หลังผ่านไป 1 สัปดาห์ พร้อมไม่เชื่อลูกจ้างสาวในสำนักงานจังหวัดประจวบฯ จะลงมือทำเพียงคนเดียว
วันนี้ (26 มิ.ย.) จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยักยอกเงิน จำนวน 33.9 ล้านบาท จากบัญชีภัยแล้ง 23.2 ล้านบาท บัญชีงบแผนพัฒนาจังหวัดปี 2563 จำนวน 3.2 ล้านบาท บัญชีเงินฝากคลัง 7.3 ล้านบาท ซึ่งถูกควบคุมตัวฝากขังที่เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านมา 1 สัปดาห์
นางจิตรา สุวรรณวงศ์ แม่ค้าน้ำดื่มหน้าเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ตนและแม่ค้าหลายรายที่อยู่หน้าเรือนจำ รวมถึงญาติที่มาเยี่ยมผู้ต้องขัง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เชื่อว่ามีผู้กระทำผิดเพียงรายเดียว ต้องมีผู้ร่วมงานรู้เห็นด้วย เนื่องจากเป็นเงินจำนวนมาก
“ไม่น่าเชื่อว่าคนคนเดียวจะทำได้ เขาเป็นแค่ลูกจ้าง สามารถเบิกจ่ายอะไรได้ แสดงว่าเขาเก่ง ความคิดของหลายคนที่พบเจอไม่คิดว่าคนเดียว ที่นี่เป็นที่รวมศูนย์ของเรือนจำ เวลาญาติมาเยี่ยมผู้ต้องขัง ก็พูดจากัน คนหลายคนเชื่อว่า ไม่ทำคนเดียว เป็นไปไม่ได้ ลูกจ้างยักยอกเงิน 33.9 ล้าน ต้องมีคนอื่น ที่สำคัญคือเป็นเงินของหลวง การทำถนน งบประมาณต่างๆ มันหายไป ชาวบ้านอยากจะได้คืน จะได้นำไปพัฒนาจุดอื่น คิดว่าต้องมีคนรับผิดชอบเงินจำนวนนี้ ต้องหาต้องชดใช้คืน เพราะประชาชนทุกคนเสียภาษี เพื่อนำไปพัฒนาประเทศ”
ด้าน พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมคณะทำงานตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เรื่องคดียักยอก 33.9 ล้านบาท กล่าวว่า ส่งตำรวจเดินทางไปสอบปากคำมารดาผู้ต้องหาเพิ่มเติมที่บ้านพัก และเจ้าหน้าที่สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์กว่า 10 ราย
รวมถึงสอบปากคำ น.ส.ขนิษฐา เพิ่มเติมที่เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ยังพบเอกสารเช็คธนาคารกรุงไทย ที่ลงลายมือชื่อเบิกจ่าย โดยมีความพยายามลงลายมือชื่อให้เหมือนตัวจริง แต่ยังไม่ได้ใช้งานคาดว่าเป็นการปลอมแปลงที่ไม่เหมือนต้นฉบับ และพนักงานสอบสวนเตรียมนำลายมือชื่อในเช็คธนาคารไปเทียบเคียงตัวจริง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าแจ้งความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสารทางราชการของผู้ต้องขังคือ ลงลายมือชื่อปลอมในเช็คธนาคาร พนักงานสอบสวนจึงเพิ่มข้อหา ความผิดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 188 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลายซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และตั้งข้อหาเล่นการพนัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสัปดาห์หน้าทางตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ จะมีการแถลงเรื่องการยักยอกเงิน 33.9 ล้านบาทให้สื่อมวลชนได้รับทราบ ในขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่ที่ติดตามข่าวเรื่องดังกล่าวเห็นว่าเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐควรออกมาชี้แจงข้อสงสัยต่างๆ กรณีการยักยอกเงินหลวง 33.9 ล้านบาทในสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อีกทั้งเงินทั้งหมดเป็นเงินภาษีที่มาจากพี่น้องประชาชน และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้บริหารส่วนราชการต้องแสงความรับผิดชอบ ซึ่งเวลาผ่านมา 1 สัปดาห์ยังไม่มีการชี้แจงจากระดับผู้บังคับบัญชาระดับสูงแต่อย่างใด ทั้งที่เงินถูกยักยอกไปถึง 33.9 ล้านบาท และควรต้องมีผู้รับผิดชอบนำเงินดังกล่าวมาคืนหลวง