ชัยภูมิ - เจ้าอาวาสวัดแจ้ง ใน อ.ภูเขียว ทนคำวิพากษ์วิจารณ์ก่นด่าจากญาติโยมไม่ไหว ยอมล้างสีชมพูออกแล้วทาสีเดิมคืนให้เหมือนเดิม เพื่ออนุรักษ์โบสถ์เก่าแก่กว่า 205 ปี แต่ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการให้
จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “ชัยภูมิเมืองต้องห้ามพลาด” ได้โพสต์ภาพเปรียบเทียบโบสถ์หลังเก่า อายุร่วม 100 ปี สภาพเดิม เปรียบเทียบกับภาพโบสถ์สภาพปัจจุบันที่ผ่านการบูรณะแล้ว กลายเป็นโบสถ์สีชมพูหวานแหวว ของวัดแห่งหนึ่งที่บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ พร้อมข้อความระบุว่า “#ส้มหยุดมั้ยล่ะสีชมพูมาเลย #คุณคิดว่ามันเข้ากันไหม? โบสถ์เก่า (สิม) อายุร่วม 100 ปี ลวดลาย รูปเหลี่ยม มุมโค้ง หายหมด ตั้งอยู่ที่บ้านแก้ง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เห็นแล้วรู้สึกเสียดายโบราณวัตถุ อายุน่าจะร่วม 100 ปี อยากให้ผู้มีความรู้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาดูแลด้วยครับ”
หลังโพสต์ถูกแชร์ออกไปอย่างกว้างขวาง ได้มีประชาชนแสดงความเห็นมากมาย ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เสียดายความงามของโบราณที่ควรค่าแก่การเก็บรักษาให้ลูกหลานได้ศึกษา เสียดายความเก่าแก่ของโบสถ์ และสีที่ใช้ไม่เหมาะสมกับโบราณสถาน
ล่าสุดทางผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนางกาเหว่า อ่อนโคกสูง อายุ 54 ปี ชาวชุมชนท้องถิ่นใกล้กับวัดดังกล่าวได้เล่าให้ฟังว่า โบสถ์หลังเดิมได้มีการเปลี่ยนแปลงคือจากสีเดิม แต่ไม่ได้ก่อสร้างใหม่ มีเพียงการปะผุตรงที่ชำรุด และทำหลังคาครอบไว้ให้ดูใหม่เท่านั้น นอกจากนี้มีเพียงการทำสีที่เปลี่ยนไปจากเดิม ชาวบ้านเองก็อยากให้เจ้าอาวาสเปลี่ยนสี ไม่ควรใช้สีหวานแหววสีชมพูขนาดนี้ อยากให้กลับมาใช้สีเดิมและคงสภาพเก่าแก่มาแต่โบราณไว้
ด้านนายสมาน ดาวช่วย อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านแก้ง หมู่ที่ 1 ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าอาวาสวัดได้ของบจากทางสำนักพุทธฯ เพื่อมาซ่อมแซมในช่วงโควิด-19 ระบาด โดยได้งบประมาณมากว่า 2 แสนบาทและทำการทำนุบำรุงและซ่อมแซมโบสถ์ดังกล่าว จนกระทั่งแล้วเสร็จ แต่มาพบว่ามีการมาถ่ายภาพจากเดิมเปรียบเทียบกับภาพใหม่ จนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการทาสีโบสถ์เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านอยากให้ใช้สีเดิมมากกว่า
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า พระครูสุธรรมมะโคตร (สนั่นศาสตร์มุนี) เจ้าอาวาส วัดแจ้ง หมู่ที่ 1 บ้านแก้ง ตำบลบ้านแก้ง อำเภอภูเขียว วัดที่ทาสีโบสถ์เป็นสีชมพู กล่าวว่า หากทางเจ้าอาวาสทำผิดหรือทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ เจ้าอาวาสก็พร้อมจะแก้ไขทำสีให้กลับมาเหมือนสีเดิม สภาพเดิม ซึ่งพร้อมจะล้างสีใหม่ออกทั้งหมดเพื่อให้เกิดความสบายใจ และอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเข้ามาดำเนินการเพื่อไม่ให้โบสถ์โบราณที่มีอายุกว่า 205 ปี หลังนี้ต้องสูญหายไปอีกต่อไป