“ส.ว.คำนูณ” จี้กรมศิลป์แจ้งความเอาผิดรื้อบ้านไม้โบราณอายุเกือบ 130 ปี ชี้ ผิดกฎหมายโบราณสถานฯชัดเจน พร้อมยกคดีตัวอย่าง ระบุแม้แต่พระยังไม่รอด
วันนี้ (21 มิ.ย.) นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีการรื้อถอนอาคารศูนย์เรียนรู้ป่าไม้ สวนรุกขชาติเชตวัน จังหวัดแพร่ อันเป็นบ้านไม้โบราณอายุเกือบ 130 ปี และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะที่เคยเป็นสำนักงานของบริษัท บอมเบย์เบอร์ม่า ที่เข้ามารับสัมปทานทำป่าไม้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ว่า ในเบื้องต้นกรมศิลปากรควรต้องดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษผู้เกี่ยวข้องต่อพนักงานสอบสวน เพื่อสืบสวนสอบสวนสาเหตุที่แท้จริง
“เพราะเป็นการกระทำผิดกฎหมายโบราณสถานฯ 2504 แก้ไขปรับปรุง 2535 โดยชัดแจ้ง เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาตและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดจากกรมศิลปากร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
นายคำนูณ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงจากการประชุมชี้แจงระหว่างหน่วยราชการต่างๆ กับเครือข่ายภาคประชาชนที่ศาลากลางจังหวัดแพร่ เมื่อวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน ปรากฏชัดเจนว่า ไม่ได้มีการแจ้งกรมศิลปากรอย่างสมบูรณ์ก่อนการรื้อถอน และกรมศิลปากรยังรอเอกสารจากสำนักงารบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) อยู่ แต่ก็เกิดการรื้อถอนขึ้นก่อน
“แม้กรมศิลป์จะพยายามเข้ามาเยียวยา โดยจะพยายามสร้างใหม่ให้ใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับว่า จะต้องใช้งบประมาณแผ่นดินมากกว่าที่โครงการนี้มีอยู่ 4.5 ล้านบาทแน่นอน และการสร้่างใหม่โดยไม่มีแผนการศึกษาตามหลักการบูรณะโบราณสถานไว้ก่อนอย่างชัดเจน จะทำให้เกิดความยุ่งยากมากขึ้น สิ้นเปลืองงบประมาณมากขึ้น เป็นความเสียหายแก่แผ่นดิน ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ”
นายคำนูณ กล่าวว่า เคยมีคดีตัวอย่างมาแล้ว เช่น คดีหมายเลขดำที่ อท. 34/2562 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษาลงโทษเจ้าอาวาสวัดกัลยาณ์ กทม. โทษฐานรื้อถอนศาลารายและกุฏิอันเป็นโบราณสถาน โดยคดีนี้ นายบวรเวท รุ่งรุจี ผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากรในอดีต ได้เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม เมื่อปี 2558 หลังจากตรวจพบการกระทำที่เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 10, 32 และ 35 รวมทั้งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในกรณีนี้ยังมีคดีเกี่ยวเนื่องอีกหลายคดี รวมทั้งคดีแพ่งที่กรมศิลปากรฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก
นายคำนูณ กล่าวว่า แม้บ้านบอมเบย์เบอร์ม่าจะไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานจากกรมศิลปากร และอยู่นอกเขตอนุรักษ์เมืองเก่า แต่บ้านบอมเบย์เบอร์ม่าก็ยังถือเป็นโบราณสถานตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติโบราณสถานฯอยู่ดี โดยเป็นโบราณสถานประเภทที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน การจะซ่อมแซมปรับปรุงรื้อถอนหรือทำให้เปลี่ยนสภาพด้วยวิธีการต้องได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร และปฏิบัติตามเงื่ิอนไขที่กำหนด โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้ เป็นไปตามมาตรา 10 ผู้ใดฝ่าฝืนย่อมมีโทษทางอาญา
“การไม่ได้ขึ้นทะเบียนไม่ได้แปลว่าไม่ได้เป็นโบราณสถาน เรื่องนี้ยังเข้าใจผิดกันอยู่มาก หากอ่านมาตรา 32 โดยนัยจะเห็นชัดเจนว่ากฎหมายแบ่งแยกโบราณออกเป็น 2 ประเภท และกำหนดไว้ว่าการกระทำผิดต่อโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วจะมีโทษหนักกว่า”
นายคำนูณ กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน ตนจะตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีในกรณีบ้านบอมเบย์เบอร์ม่านี้ หวังว่า จะได้รับการบรรจุ และนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งมาตอบ