กาฬสินธุ์ - ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 24 กาฬสินธุ์ ประชุมเข้มผู้บริหารสถานศึกษา เตรียมพร้อมเปิดเรียนภายใต้สถานการณ์โควิด-19 กำชับครูยึดระเบียบวินัยและจริยธรรมป้องกันปัญหาคุกคามทางเพศครูกับนักเรียนหญิง
วันนี้ (18 มิ.ย. 63) ที่ห้องประชุมโปงลาง ชั้น 3 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 24 กาฬสินธุ์ นายทวี ทะนอก ผู้อำนวยการ สพม.เขต 24 เป็นประธานประชุมผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัด สพม.เขต 24 จำนวน 55 แห่ง เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2563 ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 นี้ โดยมีนายสงกรานต์ พันธ์โนราช ผอ.ร.ร.กาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์, นายเอกรักษ์ สารปรัง ผอ.ร.ร.อนุกูลนารี, นายธวัชชัย สำราญวงศ์ ผอ.ร.ร.ห้วยเม็กวิทยาคม และผู้บริหาร บุคลากรทางการศึกษา ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งนี้ ก่อนเข้าห้องประชุมทุกคนได้ปฏิบัติตามมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่ออย่างเคร่งครัด โดยมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัย และรักษาระยะห่าง เป็นต้น
นายทวี ทะนอก ผู้อำนวยการ สพม.เขต 24 กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ประกาศให้เปิดการเรียนการสอนปีการศึกษา 2563 ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ที่จะถึงนี้ ซึ่งยังอยู่ภายใต้สถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ยังแพร่ระบาด ดังนั้นเพื่อเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้านทั้งตัวบุคลากรครู อาจารย์ สื่อการเรียนการสอน รวมทั้งเวชภัณฑ์ป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 จึงจัดประชุมผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรในสังกัด สพม.เขต 24 ขึ้น
มีประเด็นสำคัญที่ได้กำชับผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษา คือจริยธรรมและจิตสำนึกของความเป็นครู ตลอดทั้งระเบียบวินัยของครู นักเรียนต้องเคร่งครัด เป็นไปตามระเบียบที่ สพฐ.และทางโรงเรียนกำหนดไว้ ทั้งในส่วนของกิริยา วาจา ความประพฤติทั้งในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา โดยเฉพาะการแต่งกาย การใช้สื่อโซเชียล ต้องไม่ยั่วยุ ชักนำไปในทางที่เสื่อมเสียด้วยกรณีต่างๆ ทั้งระหว่างนักเรียนกับนักเรียน หรือระหว่างครูกับนักเรียน ที่เป็นปัญหาคุกคามทางเพศ ตามที่เกิดเป็นข่าวทางโลกโซเชียล เมื่อเกิดปัญหาแล้วจะทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับความเสียหาย
ปัจจุบันนี้อิทธิพลของสื่อโซเชียลรุนแรงมาก ขณะที่สังคมก็เปลี่ยนไป พ่อแม่ ผู้ปกครองและบุตรหลาน แยกกันอยู่ เด็กบางคนอยู่กับตายาย บางคนเช่าหออยู่กับเพื่อน หรืออาศัยอยู่กับญาติ ซึ่งอาจเป็นช่องว่างให้เสี่ยงต่อการหลงผิดตามวัยอยากรู้อยากลอง หากทำสิ่งใดลงไปโดยขาดสามัญสำนึก ละเลยคุณธรรมจริยธรรม อาจจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่ออนาคตและต่ออาชีพ ทั้งถูกดำเนินคดี เกิดความอับอาย บางคนอาจจะคิดสั้น ซึ่งผู้ที่เสียใจก็คือพ่อ แม่ ผู้ปกครอง
“หากทุกคนยึดหลักจริยธรรม สำนึกในบทบาทหน้าที่ ครูเองต้องทำหน้าที่เป็นครู ขณะที่นักเรียนต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง เคารพระเบียบวินัย ไม่ตกเป็นทาสของสิ่งยั่วยุ จะป้องกันปัญหาได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ จะได้มอบเป็นนโยบายให้ผู้บริหารสถานศึกษาหมั่นกำชับนักเรียนอย่างเคร่งครัด โดยให้เน้นหลักจริยธรรม การแต่งกายและพฤติกรรมของเด็กนักเรียนหญิง นอกจากนี้ จะให้สารวัตรนักเรียนออกสอดส่อง และจับตาพฤติกรรมของเด็กกลุ่มเสี่ยงเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว ที่สำคัญคือไม่เกิดปัญหาคุกคามทางเพศ หรือกระทำอนาจารต่อเด็กอย่างที่ตกเป็นข่าว” นายทวีกล่าวในที่สุด