xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจสาวพรหมพิรามผ่อนมือถือเครื่องเดียว โดนยึดบ้าน-ที่ทำกินขายทอดตลาด 11 ชีวิตเคว้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พิษณุโลก - สาวพรหมพิรามเปิดใจรู้ว่าผิดซื้อมือถือแล้วไม่ผ่อนให้ครบตามสัญญา แต่ไม่คิดไม่ฝันจะถึงขั้นทำให้ที่ดินมรดกตกทอดโดนยึดขายทอดตลาด ญาติพี่น้อง 11 ชีวิต 3 ครอบครัวเคว้ง พอขอซื้อคืนกลับเจอตั้งราคาสูงลิบลิ่ว


ความคืบหน้ากรณีนางสุรีพร ศรีทอง ชาว อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก อายุ 38 ปี ซื้อมือถือด้วยระบบเงินผ่อน แต่ผ่อนชำระได้เพียง 2 งวด จากนั้นไม่สามารถผ่อนส่งตามสัญญาได้จนถูกฟ้องร้อง สืบทรัพย์และยึดที่ผืนสุดท้ายที่อาศัยอยู่กว่า 10 ชีวิต ขายทอดตลาด ซึ่ง จ.ส.อ.พัฒณปกรณ์ ดอนตุ้มไพร เจ้าหน้าที่ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายทรงธรรม เกิดคุณธรรม นายก อบต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม ได้ช่วยไกล่เกลี่ยเจรากับเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินรายใหม่เพื่อขอซื้อคืนในราคาที่ควรจะเป็นแต่ไม่สำเร็จ จนต้องพากันเข้าร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกช่วยเหลือเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.)


นางสุรีพร ศรีทอง เปิดเผยว่า ปี 2559 ตนไปซื้อโทรศัพท์มือถือที่ร้านแห่งหนึ่งใน อ.พรหมพิราม ราคา 35,428 บาท ดาวน์ไป 8,500 บาท ที่เหลือ 27,000 บาท ทำสัญญาผ่อนส่งเดือนละ 1,495 บาท 18 งวด แต่ผ่อนได้ 2 เดือนแล้วไม่สามารถส่งต่อที่เหลือีก 16 งวดได้ เพราะร้านก๋วยเตี๋ยว-บะหมี่หมูแดงที่มาลงทุนเปิดในตัวเมืองพิษณุโลกได้ประมาณปีเศษๆ ก็ขาดทุน ไม่มีแม้แต่เงินใช้จ่ายประจำวัน สามีต้องหันไปทำงานต่างประเทศ

“ไม่ส่งก็เพราะไม่มีเงินจะกินจริงๆ ช่วงนั้นต้องกู้เงินนอกระบบหรือกู้รายวันประทังชีวิต ไม่รู้เรื่องการกู้เงินจากธนาคารเพราะเรียนน้อยไม่จบ ม.3 ได้แต่วุฒิประถม 6 โรงเรียนในบ้านนอกเท่านั้น เคยทำงานลูกจ้างทุกอย่างแต่ก็ไม่พอกิน ไม่มีเงินเหลือมากพอไปชำระค่าโทรศัพท์มือถือที่ซื้อไว้ หลายอาชีพที่เลิกไปก็หมดเงินทุนไปเยอะ”

วันนี้หันมาขายหม่าล่า ริมถนนในเมืองพิษณุโลก พอเลี้ยงชีพได้ประมาณ 3 ปี แต่ตอนนี้เศรษฐกิจก็ไม่ดี ขายไม่ได้ ผลกระทบโควิค-19 ยิ่งเลวร้ายเพิ่มขึ้นอีก


นางสุรีพร บอกว่า ไม่คิดว่าทางร้านมือถือจะฟ้องร้องและมีหนังสือมาบ้านพ่อที่ อ.พรหมพิราม โดยที่ตนไม่ทราบรายละเอียด พ่อก็อ่านหนังสือไม่ออก เซ็นรับทราบไปตามเจ้าหน้าที่รัฐสั่งให้เซ็นเท่านั้น กระทั่งเรื่องถึงกรมบังคับคดี คาดว่า เขาคงสืบทรัพย์ว่าตนมีชื่อบนที่ดินมรดก 4 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินชื่อของแม่ที่รับมรดกต่อจากย่าที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว ร่วมกับพ่อและพี่ชาย กระทั่งมีการขายทอดตลาด คนประมูลซื้อไปราคา 5 แสนกว่าบาท

กระทั่งวันที่ 15 พ.ค.63 สามีภรรยาชาวนนทบุรีซึ่งประมูลซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวไป ได้เดินทางมาที่บ้านพบกับพ่อตนแล้วบอกว่ากรมบังคับคดีได้ขายกรรมสิทธิ์ที่ดิน 4 ไร่นี้ไปแล้ว หากไม่เชื่อให้ไปดูที่กรมบังคับคดี ตนก็คิดว่าเป็นที่มรดกอยากจะซื้อคืน แต่เขาไม่ยอมขายที่ดินคืนในราคาเดิม บอกว่าถ้าจะขายก็จะคิดราคาไร่ละ 4 แสนบาท 4 ไร่ รวมเป็นเงิน 1.6 ล้านบาท ตนคิดว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป ตนก็ไม่มีรายได้อะไร อยากวิงวอนให้ขายที่คืนในราคาที่เป็นธรรมด้วย


แม้ว่าที่ผ่านมา จ.ส.อ.พัฒณปกรณ์ ดอนตุ้มไพร และนายทรงธรรม เกิดคุณธรรม นายก อบต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม จะมาช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยแล้ว ก็ไม่สำเร็จ จึงเข้ามาร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมฯ เพื่อขอให้ผู้ว่าฯ ช่วยอีกทางหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าผู้มีอำนาจในบ้านเมืองจะช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยขอซื้อที่ดินคืนได้หรือไม่

“รู้ดีว่าผิดที่ไม่ผ่อนค่าโทรศัพท์มือถือจนเรื่องราวบานปลายโดนยึดที่ไปขายทอดตลาด แต่ก็อยากขอซื้อคืนในราคาที่เป็นธรรมเท่านั้น”


เพราะตั้งแต่วันที่รู้เรื่องที่อยู่ ที่ทำกินแปลงนี้ ถูกขายทอดตลาด เปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ไปแล้ว (15 พ.ค.) ทำให้ญาติพี่น้องที่สร้างบ้านอยู่กัน 3 ครอบครัว 3 หลัง รวม 11 ชีวิต ประกอบด้วย ตน พ่อ แม่เลี้ยง กับลูก 1 คน อาศัยอยู่ในบ้านหลังหนึ่งรวม 4 คน ส่วนอีกหลังเป็นบ้านพี่ชาย เมียซึ่งตาบอด และลูกอีก 3 คนอาศัยอยู่รวม 5 คน บ้านอีกหลังเป็นญาติอยู่กัน 2 คนผัวเมีย ต้องอยู่กันอย่างไม่เป็นสุข ไม่รู้ชะตากรรมชีวิตว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป จะไปอยู่กันที่ไหน

“ไม่เคยคาดคิดเลยจริงๆ ที่ดินของตระกูลแท้ๆ ที่ปลูกมะเขือพวง ปลูกข้าวโพดเลี้ยงชีพกลับต้องไปอยู่ในมือคนอื่นได้ง่ายดาย เพียงแค่ซื้อโทรศัพท์มือถือด้วยระบบเงินผ่อนเพียงเครื่องเดียวเท่านั้น” นางสุรีพรกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น