“รองฯประวิตร” กำชับกรมชลฯ เร่งเพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ำ- ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพื้นที่ภัยแล้ง
วันนี้ (3 พ.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (ผอ.กอนช.) รับทราบ แนวทางของกรมชลประทาน ที่ดำเนินการขุดลอกคลองกำจัดวัชพืช เพื่อให้ความช่วยเหลือจังหวัดที่ได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) จํานวน 27 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย, เชียงใหม่, พะเยา, น่าน, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, เพชรบูรณ์, หนองคาย, บึงกาฬ, นครพนม, สกลนคร, กาฬสินธุ์, มหาสารคาม, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, ชัยภูมิ, ศรีสะเกษ, นครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, กาญจนบุรี, สุพรรณบุรี, ฉะเชิงเทรา, ปราจีนบุรี, จันทบุรี, ชลบุรี และสงขลา รวมท้ังสิ้น 158 อําเภอ 836 ตําบล 7,262 หมู่บ้าน/ชุมชน 5 เทศบาล
นอกจากนี้ กรมชลประทานยังรายงานคุณภาพน้ำเมื่อที่ 3 พ.ค.2563 เวลา 05.00 น. ซึ่งกรมชลประทาน ได้ผันน้ำจากแม่น้ำทเจ้าพระยา, แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางประกง บางส่วนมาบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาความเค็มว่ายังมีความปกติทั้งหมด ได้แก่ สถานีประปาสําแล จ.ปทุมธานี, ท่าน้ำนนทบุรี จ.นนทบุรี, สถานีปราจีนบุรี, สถานีปากคลองจินดา และสถานีปากคลองดําเนินสะดวก
ส่วนโครงการส่งน้ำและบํารุงรักษาท่าบัว สํานักงานชลประทานที่ 3 ได้ติดตามผลการระบายน้ำช่วยเหลือภัยแล้งคลองข้าวตอก จากการประชุมติดตาม สถานการณ์ภัยแล้ง จ.พิจิตร ได้ร้องขอให้ช่วยเหลือสวนผลไม้ริมคลองข้าวตอก ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำและไม้ผลอาจยืนต้นตาย โดยการระบายน้ำ จากคลองส่งน้ำ ซี.1 ลงคลองข้าวตอก เพื่อเป็นการช่วยเหลือพื้นที่สวนผลไม้ดังกล่าว
ด้านโครงการส่งน้ำและบํารุงรักษายมน่าน สํานักงานชลประทานที่ 3 ลงพื้นที่ตรวจสอบปริมาณน้ำบริเวณ ทรบ.คลองเรือ ตําบลวังวน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก และบริเวณ ทรบ.คลองวังขอน บ้านบึงธรรมโรง ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เพื่อตรวจสอบปริมาณน้ำ ติดตามสถานการณ์น้ำ และจัดสรรน้ำให้เพียงพอต่อการอุปโภค–บริโภค แก่เกษตรกรในพื้นที่.