น่าน - คนน่านตั้งวงดื่มสุรา-กินลาบหมูดิบ แค่ 5 ชั่วโมง หนึ่งในนั้นไข้ขึ้น-ท้องเสีย ต้องนำส่ง รพ.ภูเพียง แถมอาการโคม่าชีพจรต่ำ-ความดันตก-ติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องส่งต่อเข้าไอซียู รพ.น่าน ล่าสุดปลอดภัยแล้ว แพทย์ชี้เป็นโรคหูดับจากกินหมูดิบ
วันนี้ (1 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชายอายุ 57 ปี ได้ถูกนำตัวเข้าห้องไอซียูที่โรงพยาบาลน่าน ด้วยอาการโคม่าชีพจรต่ำความดันตก หลังจากที่ตั้งวงดื่มสุราและรับประทานลาบหมูดิบ ทีมแพทย์ต้องเร่งให้ยาปฏิชีวนะเนื่องจากมีการติดเชื้อในกระแสเลือด
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน เปิดเผยว่า จากการสอบสวนโรคพบว่ามีชาย 5 คน ตั้งวงดื่มสุราและนำเนื้อหมูที่ซื้อจากผู้ขายในเขต อ.ภูเพียง มาลาบดิบเป็นกับแกล้ม หลังจากนั้นประมาณ 5 ชั่วโมง 1 ใน 5 ก็เกิดอาการตัวร้อนเป็นไข้ หน้ามืด ท้องเสีย ญาติจึงนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลภูเพียง แต่อาการหนักขึ้นด้วยชีพจรต่ำและความดันตก จึงได้ส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลน่าน
จากการวินิจฉัยโรคคาดว่าน่าจะเกิดจากเชื้อโรคสเตรปโตคอคคัส ซูอิส หรือโรคหูดับ ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในสุกร โดยขณะนี้ทีมแพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะและผู้ป่วยปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งได้เก็บชิ้นเนื้อไปตรวจสอบหาเชื้ออย่างละเอียดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทีมแพทย์ได้ขอแจ้งเตือนประชาชนว่า ในช่วงฤดูฝนนี้โรคหูดับจะเริ่มแพร่ระบาดในสุกร จึงขอให้ซื้อเนื้อหมูจากแหล่งชำแหละที่เชื่อถือได้ และรับประทานอาหารที่ปรุงสุกเท่านั้น
สำหรับโรคสเตรปโตคอคคัส ซูอิส เป็นโรคที่เกิดในสุกร เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ปกติจะมีอยู่ในสุกรเกือบทุกตัวซึ่งฝังตัวอยู่ในต่อมทอนซิลของสุกร แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดโรค เว้นแต่เมื่อใดที่สุกรมีร่างกายอ่อนแอ เครียด หรือป่วยด้วยโรคที่ไปกดภูมิคุ้มกัน แบคทีเรียตัวนี้ก็จะเพิ่มจำนวนและติดเชื้อในกระแสเลือดทำให้หมูป่วยและตายได้ในที่สุด
เชื้อโรคหูดับ สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ 2 ทาง คือ จากการบริโภคเนื้อสุกร เครื่องใน หรือเลือดหมูที่ไม่ผ่านการปรุงให้สุก เช่น ลาบ หลู้ ที่นิยมทำจากเนื้อหมูดิบๆ และใส่เลือดสด หรือหมูกระทะที่ปิ้งย่างไม่สุก และผ่านทางบาดแผล รอยถลอก เยื่อบุตา จากการสัมผัสสุกรที่เป็นโรค กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังคือ เกษตรกร ผู้เลี้ยงสุกร คนทำงานในโรงฆ่าสัตว์ คนชำแหละเนื้อสัตว์ สัตวแพทย์-สัตวบาล
โดยอาการของผู้ป่วยที่รับเชื้อโรคหูดับเข้าสู่ร่างกายแล้ว ภายใน 3 วันจะมีไข้สูง ร่วมกับปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ปวดบวมตามข้อ มีจ้ำเลือดตามตัวตามผิวหนัง ซึม คอแข็ง ชัก มีการเปลี่ยนแปลงระดับความรู้สึกตัว จนเชื้อเข้า สู่กระแสเลือดและเข้าไปสู่เยื่อหุ้มสมอง ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ข้ออักเสบ ม่านตาอักเสบตามมา และเนื่องจากเยื่อ หุ้มสมอง อยู่ใกล้กับปลายประสาทหูชั้นในทั้งสองข้าง เชื้อจึงสามารถลุกลาม และทำให้เกิดหนองบริเวณปลาย ประสาทรับเสียงและประสาททรงตัว ทำให้หูตึง หูดับ จนหูหนวกร่วมกับอาการเวียนศีรษะ และเดินเซตามมาได้ ซึ่งอาการทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นภายใน 14 วัน หลังจากเริ่มมีอาการไข้