ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผจก.การประปาส่วนภูมิภาคพัทยา ยันแล้งนี้ชาวพัทยารอดแน่ แม้ต้นทุนน้ำในอ่างฯ ทั้ง 5 แห่งแทบไม่เหลือ ชี้เพราะเกิดจากการผันน้ำจากแหล่งน้ำข้างเคียง และการบริหารจัดการน้ำที่ดีจึงทำให้รอดวิกฤต
จากสถานการณ์ภัยแล้งที่ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 5 อ่างหลัก ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำมาบประชัน อ่างเก็บน้ำห้วยชากนอก อ่างเก็บน้ำหนองกลางดง อ่างเก็บน้ำห้วยสะพาน และอ่างเก็บน้ำห้วยขุนจิต ที่ใช้เป็นแหล่งน้ำดิบสำคัญในการผลิตน้ำประปาหล่อเลี้ยงเมืองพัทยา กว่า 80 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี แต่ในวันนี้กลับมีความจุน้ำรวมกันเหลือเพียง 40 ล้าน ลบ.ม. ซ้ำปริมาณน้ำที่เหลือติดก้นอ่าง แต่ละแห่งเริ่มแห้งขอด ทำให้หลายฝ่ายต่างออกมาแสดงความกังวลใจว่าชาวพัทยา อาจไม่มีน้ำใช้อย่างเพียงพอนั้น
ล่าสุด วันนี้ ( 8 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายชัยทัศน์ อี๊ดแสง ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคพัทยา ว่า แม้ขณะนี้ปริมาณน้ำดิบทั้ง 5 อ่างจะเหลืออยู่เพียง 4 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่างทั้งหมด แต่ถือว่าเพียงพอต่อการใช้ของชาวพัทยาไปจนถึงเดือน มิ.ย. หรือเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน
"คงตอบไม่ได้ว่าจะแน่นอนหรือไม่ แต่ปัจจุบันการประปาส่วนภูมิภาคพัทยา ได้ผันน้ำจากแหล่งน้ำอื่นเข้าช่วย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำใน จ.ระยอง เช่น อ่างเก็บน้ำประแสร์ และอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล เพื่อส่งไปยังโรงกรองน้ำเมืองพัทยา จำนวน 110,000 ลบ.ม.ต่อวัน และยังได้ผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี อีก 10,000 ลบ.ม.ต่อวัน รวมทั้งการจัดซื้อน้ำจาก บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสต์ วอเตอร์ อีก 23,000 ลบ.ม.ต่อวัน"
ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคพัทยา ยังเผยอีกว่า วิกฤตภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปี 2563 ยังถือว่าดีกว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นในปี 2545 เนื่องจากในปี 2545 อ่างเก็บน้ำมาบประชัน ซึ่งถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ในการหล่อเลี้ยงเมืองพัทยา ประสบปัญหาอย่างหนักขณะที่การประปาฯไม่ได้มีการวางแผนผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำในพื้นที่อื่นเข้าช่วยจึงเรียกได้ว่าสาหัสที่สุด
แต่หลังจากเกิดวิกฤตในปี 2545 กรมชลประทาน ได้ร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค ได้วางมาตรการในการผันน้ำเข้าแก้ไขปัญหาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตขึ้นอีก จึงทำให้เมื่อเกิดสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงและตกน้อยในปี 2563 จนทำให้น้ำใน 5 อ่างแห้งขอดก็มีน้ำที่ผันมาจากแหล่งอื่นช่วยพยุง
ทั้งนี้ การประปาส่วนภูมิภาค สาขาพัทยา ปกติจะผลิตน้ำที่ 264,000 ลบ.ม.ต่อวัน และที่ผ่านมาได้ลดการผลิตเหลือเพียง 251,000 ลบ.ม.ต่อวัน จากปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่น้อย และยังต้องลดกำลังผลิตลงไปอีกจนเหลือที่ 1.5 แสน ลบ.ม.ต่อวัน
โดยกลุ่มผู้ใช้น้ำจากการประปาส่วนภูมิภาค สาขาพัทยา ประกอบด้วย 3 กลุ่มหลักคือ กลุ่มที่อยู่อาศัยซึ่งจะใช้น้ำในสัดส่วน 41% กลุ่มร้านค้าขนาดเล็ก เช่น ร้านอาหาร กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี และภาคราชการ ใช้น้ำในสัดส่วน 16% และกลุ่มร้านค้าขนาดใหญ่ ธุรกิจโรงแรม ที่มีสัดส่วนการใช้น้ำ 43%
"ในช่วงนี้เป็นจังหวะที่ผู้ประกอบการโรงแรม ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในพื้นที่ปิดกิจการลงชั่วคราว จึงทำให้สัดส่วนการใช้น้ำลดลง ไม่เว้นแม้แต่ในภาคธุรกิจโรงแรม จึงพอจะคาดการณ์ได้ว่าพี่น้องชาวพัทยา น่าจะมีน้ำใช้ได้ถึงเดือน มิ.ย.นี้อย่างแน่นอน"
ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคพัทยา ยังเชื่อว่า จากการพยากรณ์อากาศล่วงหน้าของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ระบุว่า ในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ พื้นที่ภาคตะวันออกจะมีฝนตกแต่ปริมาณน้ำคงจะเพิ่มไม่มากนัก จึงขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า รวมถึงการใช้น้ำในระบบนำกลับมาใช้ใหม่ ก็จะเป็นการช่วยยืดระยะเวลาในการใช้น้ำได้จนถึงปีต่อไป