เชียงราย - โควิด-19 ยังพ่นพิษไม่หยุด..ล่าสุด สปป.ลาวออกระเบียบใหม่ขนส่งผ่าน R3a เชื่อมไทย-ลาว-จีนต้องใช้หัวลาก/คนขับลาว ทำค่าขนส่งผลไม้ไทยพุ่ง แถมตกค้างชายแดนจีนแล้วไม่ต่ำกว่า 300 ตู้ ขณะที่พม่าถึงกับต้องเทข้าวโพดทิ้งน้ำ
ขณะนี้แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จะเริ่มคลี่คลายลงในหลายประเทศ โดยเฉพาะ สปป.ลาวที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์มากขึ้น ทั้งให้โรงเรียนทั่วประเทศเปิดการเรียนการสอนเทอมใหม่ในวันที่ 14 พ.ค.ที่จะถึงนี้ รวมทั้งอนุญาตให้โรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ เปิดบริการ ตลอดจนขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ตั้งแต่วันนี้ (3 พ.ค.) เป็นต้นไป
แต่ สปป.ลาวยังคงมาตรการห้ามคนเดินทางข้ามแขวง-ข้ามประเทศ ส่วนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศผ่านชายแดนก็มีการปรับใช้ระเบียบใหม่เพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 ไม่อนุญาตให้พนักงานขับรถหัวลากพักค้างคืนที่ฝั่งเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ตรงข้าม อ.เชียงของ จ.เชียงราย จนกว่าวิกฤตไวรัสโควิด-19 จะสิ้นสุด
ซึ่งทำให้คนขับรถขนส่งสินค้าที่ส่วนใหญ่เป็นคนไทยจะทำเอกสารเพียงแค่หนังสือผ่านแดนชั่วคราวข้ามไปยัง สปป.ลาวเพียงชั่วครู่ เพื่อเปลี่ยนหัวลากให้รถหัวลากและคนขับใน สปป.ลาวขนสินค้าผ่านเส้นทาง R3a ต่อไปจนถึงชายแดน สปป.ลาว-จีน ที่เมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา ติดกับด่านเมืองโมฮาน ประเทศจีน ซึ่งผู้ประกอบการจีนก็จะขนสินค้าขึ้นตู้คอนเทนเนอร์เข้าไปในจีนต่อ
น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า มาตรการใหม่ของ สปป.ลาวดังกล่าวเริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ค้าผลไม้ไทย-จีนแล้ว เพราะในห้วงที่โควิด-19 เกิดการแพร่ระบาด การส่งผลไม้เข้าตลาดจีนทำได้เพียง 3 ช่องทางเท่านั้น คือ การขนส่งผ่านด่านพรมแดน อ.เชียงของ ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว ข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4-ถนนอาร์สามเอไทย-จีนตอนใต้, ด่านฯ มุกดาหาร ผ่านถนนอาร์ 9-เวียดนาม-มณฑลกว่างสี ประเทศจีน ผ่านทางรถไฟผิงเสียง ที่เป็นการขนส่งทางรถไฟแห่งเดียวที่อนุญาตให้นำเข้าผลไม้จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ และท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี
แต่ปรากฏว่านับตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ทางการ สปป.ลาวได้กำหนดมาตรการให้ใช้รถหัวลาก-คนขับใน สปป.ลาวทั้งหมด รวมทั้งมีการเพิ่มค่าขนส่งขึ้นอีกหลายเท่าตัว ทำให้ผู้ประกอบการค้าของไทยประสบปัญหาอย่างหนัก
"สินค้าผลไม้ไทยที่ส่งออกจากด่านเชียงของส่วนใหญ่เป็นสับปะรดภูแล มังคุด ทุเรียน ฯลฯ ปัจจุบันมีตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการกว่า 300 ตู้ติดค้างอยู่ที่ชายแดนลาว-จีน ที่เมืองบ่อเต็น เพราะคนขับรถชาวลาวมีไม่พอ และคนลาวไม่มีประสบการณ์ในการขับรถจีนได้ทุกยี่ห้อ ขณะที่ลาวไม่อนุญาตให้คนขับรถชาติอื่นเข้าไปขับรถในลาวแม้แต่คนจีน ทำให้เกิดปัญหารถสินค้าติดค้างดังกล่าว ประกอบกับวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมาเป็นวันแรงงาน ซึ่งมีการหยุดงานทำให้ของยิ่งค้างมากขึ้น จนเกรงว่าสินค้าผลไม้จะเน่าเสียได้"
รองประธานหอการค้า จ.เชียรายกล่าวด้วยว่า นอกจากจะมีปัญหาจากระเบียบใหม่ สปป.ลาวดังกล่าวแล้ว ค่าขนส่งยังเพิ่มขึ้นเป็นคันละ 45,000 บาท จากเดิมคิดราคาคันละ 15,000 บาท ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจทำให้การใช้ประโยชน์จากถนน R3a ที่ไทยเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาและสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงจะไม่เกิดขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น
เพราะผู้ประกอบการอาจจะหันไปใช้เส้นทางสายอาร์ 9-เวียดนาม-มณฑลกว่างสี สป.จีน ซึ่งอ้อมไกลนับพันกิโลเมตร ขณะที่ถนนอาร์สามเอใกล้กับประเทศจีนกว่ามาก จนทำให้เสียโอกาสได้ เพราะปัจจุบันผลไม้ไทยโดยเฉพาะทุเรียนเป็นที่ต้องการของตลาดจีนอย่างมาก โดยที่กรุงปักกิ่งซื้อขายกันกิโลกรัมละกว่า 500 หยวน หรือประมาณ 2,000 กว่าบาท ซึ่งแพงกว่าปีก่อน
น.ส.ผกายมาศกล่าวอีกว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการ และหอการค้าฯ กำลังเร่งหารือกันเพื่อจะเสนอให้ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเจรจากับประเทศจีนให้เปิดท่าเรือเมืองกวนเหล่ย ซึ่งเป็นเมืองท่าริมแม่น้ำโขงหน้าด่านของจีนในมณฑลยูนนานเพื่อรับสินค้าจากไทยโดยตรง หลังจากทางการจีนได้ปิดท่าเรือแห่งนี้เพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 ไปแล้วก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม วิกฤตโควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการขนส่งผลไม้ไทยเท่านั้น แต่สินค้าประเภทข้าวโพดของพม่าที่เคยส่งจากเมืองมูเซ รัฐฉาน เข้าไปยังรุ่ยลี่ มณฑลยูนนาน ก็ติดค้างอยู่ที่ด่านพรมแดนนับสิบๆ ตัน และบางส่วนถูกนำไปทิ้งแม่น้ำเพราะไม่สามารถส่งเข้าไปในประเทศจีนได้ เนื่องจากมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในบริเวณดังกล่าว ทำให้ทางการจีนสั่งปิดด่านเมืองรุ่ยลี่โดยไม่มีกำหนด ทั้งๆ ที่ข้าวโพดที่ส่งไปจำหน่ายในจีนได้ราคาสูงถึงตันละกว่า 3,000-4,000 หยวน