บุรีรัมย์ - จนท.ป้องกันเข้านำศพชายชาวต่างชาติวัย 69 ปี ผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกของ จ.บุรีรัมย์ และเสียชีวิตเป็นรายแรกของจังหวัดไปเผาที่วัดโดยไม่มีการประกอบพิธีใดๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ส่วนภรรยาและคนใกล้ชิดยังกักตัวเฝ้าสังเกตอาการ ผงะไทม์ไลน์เข้าไทยเดินสายเที่ยวพัทยา-อ.บ้านกรวด บุรีรัมย์
วันนี้ (8 เม.ย.) หลังจากโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 พบว่าทั้งประเทศมีผู้ป่วยรายใหม่ 111 ราย และเสียชีวิต 3 ราย หนึ่งในนั้นคือชายชาวต่างชาติ อายุ 69 ปี ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกของจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เสียชีวิตเมื่อวานนี้ 7 เม.ย.ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์
ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้ 8 เม.ย. หลังจากตรวจชันสูตรศพตามขั้นตอนเรียบร้อย ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้จัดการร่างของผู้เสียชีวิตตามมาตรฐานการควบคุมป้องกันโรคติดต่อ โดยใส่ในถุงซิป 3 ชั้น และมีการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทุกชั้น ก่อนเคลื่อนร่างไปเผาที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ โดยเจ้าหน้าที่ที่ทำการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตไปฌาปนกิจมีการสวมชุดป้องกันเชื้ออย่างมิดชิด
โดยก่อนที่จะนำร่างไปเผายังวัดดังกล่าว ทางโรงพยาบาลได้ประสานกับทางวัด และทำความเข้าใจกับผู้นำชุมชนเรียบร้อยแล้วว่าเจ้าหน้าที่มีการจัดการศพตามมาตรฐานควบคุมป้องกันโรคอย่างรัดกุม ส่วนการเผาไม่ได้มีการประกอบพิธีใดๆ มีเพียงสัปเหร่อ พระ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาดูแลเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก จากนั้นทางวัดจะเก็บเถ้ากระดูกไว้ให้ญาติเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
สำหรับไทม์ไลน์ของชายชาวต่างชาติที่เสียชีวิตรายดังกล่าว มีดังนี้ เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ โดยได้ลงทะเบียนผ่านระบบแอปพลิเคชัน Buriram Healthy Passport เพื่อแจ้งข้อมูลสุขภาพและการเดินทางเข้าออกจังหวัดบุรีรัมย์ ตามประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อ ซึ่งระหว่างเดินทางมาพบว่ามีอาการไข้ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนจึงได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัด ทางเจ้าหน้าที่จึงขอรับตัวมาตรวจทางห้องปฏิบัติการที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ แล้วผลการตรวจเลือดยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 ถือเป็นรายแรกของจังหวัด
จากการซักประวัติพบว่า ชายชาวต่างชาติรายดังกล่าวมีอาการผิดปกติตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. ตั้งแต่ที่อยู่ประเทศภูมิลำเนา จากนั้นได้เดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศที่สาม ก่อนที่จะเดินทางมายังประเทศไทยถึงสนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 16 มี.ค. จากนั้นวันที่ 17 มี.ค.ได้เดินทางไปเที่ยวที่พัทยา จ.ชลบุรี ต่อมาวันที่ 18 มี.ค.ได้ใช้บริการรถแท็กซี่เพื่อเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งระหว่างทางรถแท็กซี่ได้เสียที่ อ.โนนดินแดง จากนั้นได้เช่าเหมารถอีกคันเพื่อเดินทางต่อมาหาภรรยาที่ อ.บ้านกรวด ซึ่งชายชาวต่างชาติได้นัดเจอกับภรรยาที่โรงพยาบาลเอกชนเพราะรู้ตัวว่ามีอาการผิดปกติและอยู่ในกลุ่มเสี่ยง
หลังจากได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล แพทย์ได้ทำการรักษาอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากผู้ป่วยมีอายุมาก ประกอบกับมีโรคประจำตัวไตเรื้อรังทำให้หายใจลำบาก หอบเหนื่อยจนต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และได้เสียชีวิตในวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่วนภรรยาและคนใกล้ชิดยังกักตัวเฝ้าสังเกตอาการ