นครพนม - เยือนศูนย์กักตัวเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 จ.นครพนม หนุ่มสิงห์รถบรรทุกส่งทุเรียนจีนเปิดใจแม้ตรวจคัดกรองโรคไม่เจอเชื้อแต่ต้องถูกกักนาน 14 วันได้รับความเดือดร้อนหนัก ขาดรายได้หลายพันบาท บางรายต้องนำรถยนต์ส่วนตัวไปซ่อนกลัวถูกไฟแนนซ์ยึดเพราะขาดส่งค่างวด 3 เดือนแล้ว
ศูนย์เรียนรู้การยางพาราแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำหนองญาติ ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม เป็นสถานที่กักตัวชั่วคราวสิงห์รถบรรทุกคอนเทนเนอร์ จำนวน 22 คน ถูกคัดกรองคุมตัวหลังกลับจากขับรถนำทุเรียนจาก จ.จันทบุรี ส่งออกชายแดนเวียดนาม-จีน ของบริษัทส่งออกชื่อดัง อันเป็นผลมาจากประกาศคำสั่งของ จ.นครพนมเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ให้รถบรรทุกตาม พ.ร.บ.ศุลกากร คนขับและพนักงานรถที่เดินทางออกต่างประเทศเกิน 5 ชั่วโมง
ซึ่งหลังจากเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยต้องถูกกักตัวนาน 14 วัน ตามมาตรการเข้มข้น ป้องกันเชื้อโคโรนา 2019 โควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อยืนยันเป็นหญิงวัย 63 ปี ที่บ้านท่าดอกแก้ว หมู่ 5, 6 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน
อาคารศูนย์เรียนรู้ฯ แห่งนี้มีขนาด 2 ชั้น ยกสูงทั้ง 2 อาคาร มีห้องพักรวม 40 ห้อง สิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบ เช่น เครื่องปรับอากาศ ทีวี ยกเว้นตู้เย็น มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชุดรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน (ชรบ.) ต.หนองญาติ 13 หมู่บ้าน ชุดละ 4 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ากะ 3 เวลา ดูแลความเรียบร้อยตลอด 24 ชั่วโมง
สิงห์รถบรรทุกชาว จ.เลย วัย 53 ปี ซึ่งเข้ากักตัวได้หลายวันแล้ว เล่าว่า มีอาชีพรับจ้างรับรถตู้บรรทุกคอนเทนเนอร์ของบริษัทฟูอิน จำกัด นำผลไม้ทุเรียนจาก จ.จันทบุรี นำไปส่งเปลี่ยนถ่ายตู้ที่ชายแดนเวียดนาม-ลาว ได้ค่าแรงเหมา 7 วัน 4,500 บาท ตนขับรถข้ามด่านพรมแดนมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ไปเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ขากลับวานนี้ (6 เม.ย.) กลับเข้าสู่ประเทศไทยที่ด่านคำม่วน-นครพนม ถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้ 14 วัน
โดยเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต.หนองญาติ มาตรวจวัดไข้แล้วไม่พบอาการไข้ และตนไม่ได้ไปสัมผัสกับกลุ่มเสี่ยง ก็น่าจะปล่อยตัวกลับบ้าน ตนและภรรยาเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องมาถูกกักตัว 14 วัน ขาดรายได้ไปโดยปริยาย ต้องจอดรถตู้คอนเทนเนอร์ไว้ที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 แล้วนำรถเก๋งส่วนตัวมาจอดไว้สถานที่กักตัว
“ผมกลัวว่าไฟแนนซ์จะมายึดรถคันนี้ไป ขาดส่งค่างวด 2-3 เดือนแล้ว ตอนนี้เดือดร้อนหนัก มีลูก 6 คน เป็นลูกติดเมียเก่า 4 คน ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ผมกับเมียไม่มีรายได้ส่งเสียให้พวกเขาเลย เพราะเมียใหม่ก็ต้องถูกกักตัวพร้อมกัน” โชเฟอร์หนุ่มใหญ่เล่าอย่างหน้าละห้อย
ด้านหนุ่มขับรถบรรทุกชาวอีสานถิ่นชัยภูมิ อายุ 42 ปี เปิดเผยว่า ตนเป็นลูกจ้างของบริษัทฟูอิน จำกัด มีหน้าที่ขับรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ส่งทุเรียนจาก จ.จันทบุรี ข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 ไปเปลี่ยนตู้ที่ชายแดนเวียดนาม มีรายได้ 4,500 บาท/เที่ยวและต่อสัปดาห์เช่นกัน ยอมรับว่าหลังถูกกักตัวเฝ้าระวังโรคเชื้อโควิด-19 ได้รับความเดือดร้อนมาก เพราะมีลูกชาย 2 คนที่ต้องดูแล ช่วงที่ถูกกักตัวร่วมครึ่งเดือนนี้ต้องขาดรายได้ไปเลยเกือบหมื่นบาท อยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเยียวยารายได้ใน 14 วันที่ขาดหายไปด้วย ตนไม่มีรายได้ทางอื่นเลย เพราะตนอยู่ในระบบประกันสังคม ไม่สามารถลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5,000 บาทจากรัฐบาลได้