นครปฐม - สูตรเจลล้างมือแอลกอฮอล์ ผลงานวิจัยจาก มทร.รัตนโกสินทร์ - หลังไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ระบาด ทำให้เจลล้างมือแอลกอฮอล์ขาดตลาด
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ได้จัดทำหลักสูตรการผลิตเจลล้างมือแอลกอฮอล์ที่มีสารสกัดว่านหางจระเข้เป็นส่วนผสม โดยมีทางเลือกทั้งสูตรที่ใช้เอทิลแอลกอฮอล์และสูตรที่ใช้ไอโซโพรพานอล ที่จะเปิดอบรมให้กับกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการสนใจ
โดยสูตรการผลิตเจลล้างมือแอลกอฮอล์ ที่มีสารสกัดว่านหางจระเข้เป็นส่วนผสมได้จดแจ้งในเรื่องสถานที่ผลิตเครื่องสำอาง ตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ไว้แล้ว สามารถติดต่อเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สถาบันวิจัยและพัฒนา มทร.รัตนโกสินทร์ โทร.0-2441-6059 ต่อ 2420-2426 หรือ อีเมล์ : ird.r@rmutr.ac.th หรือที่ ผศ.ดร.ธเนศวร นวลใย มทร.รัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล โทร.0-3261-8500 ต่อ 4810-4812
ผศ.ดร.ธเนศวรกล่าวว่า เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นสารที่ระเหยได้เร็วมาก ดั้งนั้นจึงต้องผสมน้ำเพื่อลดการระเหยของแอลกอฮอล์เพื่อให้แอลกอฮอล์สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สัดส่วนแอลกอฮอล์ที่สูงพอจะทำลายผนังเซลล์ของแบคทีเรีย หรือเกราะของเชื้อไวรัสได้ แต่ก็ไม่มากจนระเหยเร็วเกินไปก็คือประมาณร้อยละ 70 เหตุที่นิยมผลิตในรูปแบบของเจลก็เพราะเนื้อเจลจะช่วยยืดเวลาให้แอลกอฮอล์ระเหยช้าลงและอยู่บนผิวหนังได้นานขึ้น แต่การที่เจลแอลกอฮอล์สัมผัสกับผิวก็มีโอกาสดึงน้ำออกจากผิวหนังได้มากขึ้นเช่นกัน ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น วิธีหนึ่งที่นิยมใช้คือการเพิ่มส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เช่น กลีเซอรีน ไพรไพลีน ไกลคอล และที่นิยมมากที่สุดคือสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ชื่อ ‘ว่านหางจระเข้’
“เราพบว่าว่านหางจระเข้ที่นิยมผสมลงในผลิตภัณฑ์เจลล้างมือแอลกอฮอล์จะนิยมใช้สารสกัดว่านหางจระเข้ทั้งแบบผงว่านหางจระเข้ หรือเป็นน้ำว่านหางจระเข้นั้น มีโอกาสเกิดการตกตะกอนหรือมีสีของเนื้อเจลที่ขุ่นกว่าปกติได้ ซึ่งนอกจากทำให้ผู้บริโภคเกิดความไม่มั่นใจในตัวผลิตภัณฑ์แล้วและอาจจะทำให้ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ลดน้อยลง”
ดังนั้นจากความสำเร็จภายใต้โครงการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ประเภทสปาจากทรัพยากรพื้นถิ่นด้วยกลไกการขับเคลื่อนห่วงโซ่คุณค่าใหม่ ที่มีโครงสร้างการกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน ของ มทร.รัตนโกสินทร์ โดยการสนับสนุนของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ที่สามารถพัฒนาเทคนิคการสกัดว่านหางจระเข้โดยใช้กลีเซอรีนเป็นตัวทำละลายที่มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน ด้วยอุปกรณ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป โดยมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์รับถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่การผลิตจริง และจำหน่ายสารสกัดนี้ให้กลุ่มวิสาหกิจในพื้นที่ใกล้เคียงใช้ส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลากหลายชนิด ทีมวิจัยจึงนำสารสกัดว่านหางจระเข้ด้วยวิธีการใหม่นี้มาผลิตเป็นส่วนผสมของเจลล้างมือแอลกอฮอล์
ผศ.ดร.ธเนศวร กล่าวต่อว่า ปัญหาหนึ่งในปัจจุบันคือ การที่ปัจจุบันเอทิลแอลกอฮอล์ที่นำมาผลิตเจลล้างมือเป็นของที่ขาดตลาดและมีราคาสูงขึ้นมาก ดังนั้นนอกจากจะพัฒนาสารสกัดว่านหางจระเข้เพื่อใช้เป็นส่วนผสมแล้ว ยังได้พัฒนาสูตรเจลล้างมือที่ใช้แอลกอฮอล์ชนิดไอโซโพรพานอล มาแทนการใช้เอทิลแอลกอฮอล์ได้อีกด้วย โดยไอโซโพรพานอล เป็นหนึ่งในแอลกอฮอล์ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ และที่สามารถใช้ในบ้านเรือนหรือในทางสาธารณสุขได้เช่นเดียวกับเอทิลแอลกอฮอล์
สูตรการผลิตของเรานอกจากจะมีปริมาณของแอลกอฮอล์อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดคือไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 โดยปริมาตร (%v/v) ที่ทำให้มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อไวรัสได้จริงแล้ว ตัวสารสกัดว่านหางจระเข้ยังช่วยทำให้ผิวไม่แห้งอีกด้วย