ศูนย์ข่าวศรีราชา - เลขานุการสมาคมสถานบันเทิงเมืองพัทยา เผยหากมีคำสั่งให้ปิดบริการก็พร้อมทำตามเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้ธุรกิจจะเสียหายหนัก แต่ก็ขอให้ปิดทั่วทั้งประเทศเพื่อให้เกิดผลจริง
จากกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาเปิดเผยภายหลังการประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับการส่งตัวและจัดการสถานที่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด พร้อมเสนอให้มีคำสั่งปิดสถานบันเทิงทั่วประเทศไทยต่อคณะกรรมการบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19
หลังพบว่ามีการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนในแหล่งสถานบันเทิง และคาดว่าจะมีข้อสรุปในวันจันทร์นี้ โดยจะควบคุมให้อยู่ภายใต้ประกาศ พ.ร.บ.โรคติดต่ออันตราย 2558 ควบคู่กับ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินนั้น
วันนี้ (15 มี.ค.) นายดำรงเกียรติ พินิจการ เลขานุการสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า การเสนอสั่งปิดสถานบันเทิงทั่วประเทศนั้น ในส่วนตัวแล้วมองว่า เมืองพัทยาจะได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวอย่างแน่นอน แต่เมื่อออกมาเป็นมติการประชุมแล้ว ผู้ประกอบการก็ต้องให้ความร่วมมือแม้ว่ามูลเหตุของปัญหาจะมาจากสถานบันเทิงในกรุงเทพมหานคร
และการดื่มเหล้าแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกันของนักท่องเที่ยวจนทำให้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งหลังเกิดเหตุดังกล่าวทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวพากันกลัวจนไม่ออกมาท่องเที่ยวตามสถานบันเทิงต่างๆ อยู่แล้ว
“ซึ่งตรงจุดนี้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงได้รับผลกระทบโดยตรงอยู่แล้ว ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้ทั้งกลุ่มและพนักงานเองก็พากันหวาดระแวงถึงการระบาดของโรค ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วหากถึงขั้นต้องปิดสถานบันเทิงจริงๆ ก็ขอปิดพร้อมกันหมดทั่วทั้งประเทศ รวมทั้งจุดไหนที่มีการชุมนุม หรือเป็นสถานที่ที่มีคนออกมาเที่ยวเยอะๆ ก็ต้องปิดเพราะมีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน”
เลขานุการสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ยังเผยอีกว่าแต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงจากมาตรการดังกล่าวคือ กลุ่มพนักงานที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนเวลาในการทำงาน และจะต้องมีวันหยุดเพิ่มขึ้นแต่เจ้าของกิจการยังต้องจ่ายเงินเดือนให้ตามเดิม โดยไม่รู้ว่าจะสามารถประคองสถานการณ์ไปได้อีกกี่เดือนหากต้องมีการปิดเมืองจริงๆ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสถานบันเทิงในเมืองพัทยา ได้หาแนวทางในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวมาโดยตลอดอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการฉีดฆ่าเชื้อโรคเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว และการใช้อุปกรณ์วัดไข้ วัดอุณหภูมินักท่องเที่ยวที่หากพบว่าสูงกว่า 37.5 องศาก็จะไม่ให้เข้ามาใช้บริการ
รวมทั้งการตั้งจุดบริการเจลล้างมือ และให้พนักงานใช้แอลกอฮอล์ 75% เช็ดตามราวจับบันได มือเปิดประตู และอุปกรณ์ รวมถึงตามพื้นต่างๆ ที่ต้องมีการสัมผัส และยืนยันว่าในวันนี้หากมีคำสั่งให้ปิดบริการก็พร้อมให้ความร่วมมือ