สธ.พบคนไทยป่วยโควิด-19 รายใหม่รวดเดียว 11 คน เป็นชาย 5 หญิง 6 ติดจากปาร์ตี้ร่วมกับชาวฮ่องกง เผยพฤติกรรมกินเหล้าแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่ร่วมมวน ติดตามคนใกล้ชิดแล้วยังไม่มีใครป่วยติดเชื้อ เผย กลุ่มปาร์ตี้มี 15 คน อีก 4 คน ที่เหลือยังไม่ติด เหตุไม่ได้กินสูบร่วมกัน แต่ต้องติดตามต่อเนื่อง ยันไม่ใช่การแพร่ระยะ 3 และไม่ใช่ซูเปอร์สเปรดเดอร์ เร่งติดตามคนฮ่องกงกลับออกไปเมื่อไร ยอดสรุปรวมพุ่ง 70 ราย
วันนี้ (12 มี.ค.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 ว่า วันที่ 12 มี.ค. มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 11 ราย ซึ่งตรวจจับได้จากการขยายเกณฑ์การตรวจคัดกรอง คือ คนมีปอดบวมไม่รู้สาเหตุ และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน โดยเหตุการณ์ผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนนี้เกิดขึ้นจากการมีชาวฮ่องกงเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2563 และเริ่มป่วยเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2563 ด้วยอาการไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ไอ โดยระหว่างที่ป่วยก็ยังไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนกลุ่มคนไทยจำนวน 15 คน จำนวน 2 ครั้ง คือ วันที่ 27 ก.พ. และ 29 ก.พ. หลังจากนั้น วันที่ 4 มี.ค. ผู้ร่วมสังสรรค์คนไทยกลุ่มนี้เริ่มทยอยป่วยด้วยอาการโรคระบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน จึงได้รับรายงาน จากการเข้าไปตรวจสอบ โดยพบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 11 คน เป็นชาย 5 ราย หญิง 6 ราย
“พฤติกรรมการติดต่อของคนกลุ่มนี้ คือ การสังสรรค์อย่างใกล้ชิดอยู่ในพื้นที่แคบๆ เป็นเวลานานเกิน 6 ชั่วโมง กินข้าวสำรับเดียวกัน ไม่มีการใช้ช้อนกลาง มีการดื่มเหล้าแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกัน ไม่ได้พักผ่อน สังสรรค์กันดึกดื่น อย่างไรก็ตาม ได้มีการติดตามครอบครัวของผู้ป่วยกลุ่มนี้และเพื่อน รวมถึงผู้เข้างานแต่งงาน เพราะมีประวัติว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้การไปร่วมงานแต่งงาน แต่จากการตรวจสอบก็ยังไม่พบผู้ป่วยและผลตรวจแล็บไม่พบการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม คนไทยอีก 4 คน ที่เข้าร่วมงานสังสรรค์ด้วย ไม่มีการป่วยและติดเชื้อ เนื่องจากไม่ได้มีการดื่มเหล้าแก้วเดียวกัน และสูบบุหรี่มวนเดียวกัน แต่จะมีการติดตามต่อเนื่องจนครบ 14 วัน” นพ.สุขุม กล่าว
นพ.สุขุม กล่าวว่า สำหรับกรณีนี้ยังไม่ได้ถือว่าประเทศไทยเข้าสู่การแพร่เชื้อในระยะที่ 3 ยังคงเป็นระยะที่ 2 เพราะยังเป็นการติดต่อในกลุ่มจำกัดคือเพื่อน และไม่ได้มีการแพร่เชื้อออกไปถึงคนอื่น จึงไม่ใช่การเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ เพราะเป็นการใช้ของใช้ใกล้ชิดร่วมกัน และรู้ที่มาว่าติดต่อจากใคร ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเป็นบทเรียนสำคัญที่ย้ำว่า คนป่วยควรอยู่กับบ้าน ไม่ออกไปพบปะกับผู้คน และยิ่งมาจากพื้นที่เสี่ยงหากป่วยต้องรีบเข้าพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัย และเป็นคำตอบถึงเรื่องของการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่แออัด หากปฏิบัติตามนี้ก็จะช่วยลดการสัมผัสและการติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ที่มาจากประเทศเขตติดโรคโควิด-19 จะต้องขอใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันว่าไม่ป่วยขณะเดินทาง เมื่อมาถึงก็จะได้รับการตรวจคัดกรอง หากไม่มีไข้ นักท่องเทีย่วต่างชาติก็จะต้องถูกกัก 14 วัน ในโรงแรมของสนามบินหรือที่พักที่กำหนด นอกจากนี้ ยังมีข่าวดี คือ ย่าที่กลับจากฮอกไกโดหายดีกลับบ้านแล้ว ส่วนปู่และหลานอาการดีขึ้น แต่ยังพบเชื้ออยู่ สรุปมีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยัน คือ 70 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 35 ราย เสียชีวิต 1 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 34 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนทั้งหมด 5,232 ราย กลับบ้านได้แล้ว 3,865 ราย ยังคงรักษาใน รพ. 1,367 ราย
เมื่อถามถึงผู้ป่วยชาวฮ่องกงเข้ารับการรักษาหรือไม่ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ผู้ป่วยชาวฮ่องกงได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว ซึ่งขณะนี้กำลังติดตามอยู่ว่ากลับไปเมื่อวันที่เท่าไร เที่ยวบินใด โดยคาดว่าช่วงที่เดินทางออกนอกประเทศอาการป่วยคงไม่ได้มาก ทำให้สามารถขึ้นเครื่องบินกลับได้ สำหรับผู้ป่วยทั้ง 1 ราย ส่วนใหญ่รักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร และ รพ.อื่นๆ ในสังกัด สธ.
เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวใช่เคสที่มีรายงานข่าวที่ทองหล่อหรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับสถานที่ที่มีการรายงานข่าวก็เป็นสถานที่ที่มีการสังสรรค์กันใน 2 ครั้ง คือ วันที่ 27 และ 29 ก.พ.