“ประยุทธ์” นำคณะตรวจเยี่ยม รพ.ราชวิถี ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์-ผู้ป่วยพร้อมมอบยาต้านไวรัสที่ซื้อจากญี่ปุ่น สธ.เผยสายปาร์ตี้ป่วยโควิด-19 รวดเดียว 11 ราย เที่ยวทองหล่อกับเพื่อนฮ่องกง พบดื่มเหล้า-สูบบุหรี่ร่วมกัน “ดีดีการบินไทย-ผอ.สุวรรณภูมิ” ไขก๊อก ท้อคุมโควิด-19 ไม่อยู่ ทอท.สั่งยับยั้ง ผอ.สุวรรณภูมิให้ทบทวน 1 สัปดาห์ “อธิบดีกรมการค้าภายใน” โร่แจ้ง ปอท.เอาเรื่อง “โฆษกกรมศุลฯ” สะพัดสั่งให้ “สมาคมร้านขายยา” ขอโทษ ถึงจะอนุมัติหน้ากากอนามัยให้ ก่อน “อธิบดี” แถลงปฏิเสธ “ศูนย์โควิด รบ.” เผยแพร่รายชื่อประเทศที่จะถูกยกเลิกฟรีวีซ่า-VOA รวม 22 ประเทศ
วานนี้ (12 มี.ค.) ที่โรงพยาบาลราชวิถี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข, นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เดินทางตรวจเยี่ยมการเตรียมการด้านสาธารณสุข เพื่อรองรับการรักษา โควิด-19 ที่อาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี โดยมี นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผอ.รพ.ราชวิถี ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้นายกฯได้ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่ตัวแทนญาติผู้ป่วย แพทย์ และพยาบาล รวมถึงมอบยาต้านไวรัสฟาวิพิลาเวีย ซึ่งองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ติดต่อซื้อจากรัฐบาลญี่ปุ่น ให้แก่โรงพยาบาลของกรมการแพทย์ เพื่อนำไปแบ่งปันให้แก่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร และเครือข่ายโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ และได้ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนายารักษาของ รพ.ราชวิถี สูตรยาค็อกเทล (Cocktail) ของไทยด้วย
ระหว่างการตรวจเยี่ยม นายกฯ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว กรณีการให้ข้อมูลของหน่วยงานต่างๆของภาครัฐว่า อยู่ระหว่างการพูดคุยกันเพื่อทำความเข้าใจแล้ว
พบป่วย 11 รายใหม่-ปาร์ตี้ร่วมกัน
ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 ประจำวันว่า วันที่ 12 มี.ค. มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 11 ราย ซึ่งตรวจจับได้จากการขยายเกณฑ์การตรวจคัดกรอง คือ คนมีปอดบวมไม่รู้สาเหตุ และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน โดยเหตุการณ์ผู้ป่วยเป็นกลุ่มเกิดขึ้นจากการมีชาวฮ่องกงเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 และเริ่มป่วยเมื่อวันที่ 25 ก.พ.63 ด้วยอาการไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ไอ โดยระหว่างที่ป่วยก็ยังไปพบปะสังสรรค์ที่ร้านอาหารย่านทองหล่อ กับเพื่อนกลุ่มคนไทยจำนวน 15 คน จำนวน 2 ครั้ง คือ วันที่ 27 ก.พ. และ 29 ก.พ. หลังจากนั้น วันที่ 4 มี.ค. ผู้ร่วมสังสรรค์คนไทยกลุ่มนี้เริ่มทยอยป่วยด้วยอาการโรคระบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน จึงได้รับรายงาน จากการเข้าไปตรวจสอบ โดยพบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 11 คน เป็นชาย 5 ราย หญิง 6 ราย
“ขณะที่ป่วยนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงได้มีการนัดสังสรรค์ที่ย่านทองหล่อกับเพื่อน 2 ครั้ง โดยมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอสล์แก้วเดียวกันและสูบบุหรี่มวนเดียวกัน หลังจากนั้นในวันที่ 4 มี.ค. ผู้ร่วมสังสรรค์เริ่มทยอยป่วย 7 ราย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลและตรวจสอบการติดเชื้อ 11 ราย จากทั้งหมด 15 ราย ในจำนวน 4 รายที่ไม่ป่วยและไม่ติดเชื้อ เผยว่า ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ร่วมกันกับกลุ่มเพื่อน กระทรวงได้ติดตามครอบครัวและเพื่อนที่ไม่ได้ร่วมกลุ่มสังสรรค์ประมาณ 70 ราย โดยผลการตรวจจากทางห้องปฏิบัติการครั้งแรกไม่พบเชื้อโควิด-19 จึงไม่พบหลักฐานว่าเกิด super spreading เนื่องจากการติดเชื้อยังไม่ได้ออกนอกกลุ่มที่ร่วมสังสรรค์และเพื่อนสนิท แต่จะมีการติดตามต่อเนื่องจนครบ 14 วัน ส่วนผู้ป่วยชาวฮ่องกงได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว” นพ.สุขุม กล่าว
นพ.สุขุม กล่าวต่อว่า สรุปมีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยัน คือ 70 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 35 ราย เสียชีวิต 1 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 34 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนทั้งหมด 5,232 ราย กลับบ้านได้แล้ว 3,865 ราย ยังคงรักษาใน รพ. 1,367 ราย
บิ๊ก ทอท.-ดีดี TG ไขก๊อกพร้อมกัน
วันเดียวกัน ได้มีกระแสข่าวว่า น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่บริหารจัดการศูนย์ EOC ที่มีแรงงานผิดกฎหมายที่กลับจากต่างประเทศ หรือผีน้อย หลุดรอดการคัดกรองและกักตัวไป
โดย นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เปิดเผยว่า น.ท.สุธีรวัฒน์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจริงโดยขอให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.63 แต่ตนให้กลับไปทบทวนใหม่ เนื่องจากยังมีเวลาในการตัดสินใจ น.ท.สุธีรวัฒน์จึงขอลางานเป็นเวลา 7 วันเพื่อทบทวน
ทั้งนี้ นายนิตินัย ได้ปฏิเสธกระแสข่าวว่า ตนจะลาออกจากตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ต่อมา เวลา 18.00 น. วันเดียวกันนี้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือแจ้ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม ผู้อำนวยการใหญ่และกรรมการ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีการประชุมครั้งพิเศษ ที่ 4/2563 ได้พิจารณา และมีมติให้ลาออกได้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.63 เป็นต้นไป (รายละเอียดอ่านต่อหน้า 12)
แจ้ง ปอท.เอาเรื่องโฆษกกรมศุลฯ
อีกด้าน นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายชัยยุทธ คำคูณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร ที่รายงานการส่งออกหน้ากากอนามัยในเดือน ม.ค-ก.พ.2563 มีการส่งออกหน้ากากอนามัยทั้งสิ้นกว่า 330 ตัน คิดเป็นมูลค่า 160 ล้านบาท ซึ่งเป็นการส่งออกหน้ากากอนามัยตามใบอนุญาตของกรมการค้าภายใน ในข้อหาการหมิ่นประมาทโดยการประชาสัมพันธ์ เพราะเอาข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงมาออกสื่อ ทำให้กรมการค้าภายใน ได้รับความเสียหาย พร้อมเปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 17- 28 ก.พ.63 มียอดขอส่งออกที่ที่ส่งมายังคณะกรรมการ มียอดรวมกว่า 53 ล้านชิ้น จากผู้ประกอบการที่ขอมา 242 ราย แต่ทางคณะกรรมการฯได้อนุญาตให้ 7 ผู้ประกอบการ ส่งออกเพียง 12 ล้านชิ้นเศษ ไปยังประเทศปลายทาง ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เนเธอแลนด์ ฟิลิปปินส์ และเยอรมัน และไม่อนุญาต กว่า 41 ล้านชิ้น
ยันอนุมัติแมสก์ให้ ส.ร้านขายยาแล้ว
มีรายงานข่าวแจ้งถึง การประสานงานระหว่างสมาคมร้านขายยา ไปยังกรมการค้าภายในเพื่อขอรับหน้ากากอนามัยที่ได้จัดสรรหน้ากากอนามัยให้แก่ สมาคมร้านขายยา วันละ 2.5 หมื่นชิ้น เพื่อจำหน่ายกับผู้ที่ต้องการ แต่ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับ ตามที่นายเทพรักษ์ สุรทานต์นนท์ ประธานสภาที่ปรึกษาสมาคมร้านขายยา ออกข่าวประชาสัมพันธ์เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งว่า มีอุปสรรค เนื่องจากถูกกรมการค้าภายในยื่นข้อเสนอว่าให้สมาคมร้านขายยาต้องทำหนังสือขอโทษไปยังอธิบดีกรมการค้าภายใน กรณีที่ออกข่าวว่าสมาคมฯก่อน ถึงจะจัดสรรหน้ากากอนามัยให้ เนื่องจากข่าวที่ออกไปทำให้อธิบดีกรมการค้าภายในเสื่อมเสียเกียรติ
อย่างไรก็ตาม นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ปฏิเสธว่าข่าวดังกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง และทางกรมการค้าภายในได้อนุมัติหน้ากากอนามัยให้กับร้านขายยาที่เป็นสมาชิกของสมาคมร้านขายยาแล้ว ตอนนี้รอเพียงแต่ว่าถ้ามีหน้ากากอนามัยผลิตออกมาเมื่อไหร่ ก็จะส่งมอบให้กับทางสมาคมร้านขายยาได้ทันที
“สมาคมฯ มีการส่งรายชื่อมาแล้ว แล้วเราก็มีการอนุมัติให้ไปแล้ว รอรับของอย่างเดียว สมาคมฯ เขาส่งรายชื่อมาแล้ว ส่งมาเมื่อวาน ส่วนสินค้า มีสินค้าพร้อมเมื่อไหร่ผมก็ส่งให้ทันที” นายวิชัย ระบุ
ชัดแล้วเลิก “ฟรีวีซ่า-VOA” 22 ประเทศ
ที่ศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19 ) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวชี้แจง การเปลี่ยนแปลงที่กักกันตัวจากศูนย์ของรัฐ ไปยังบ้านของตัวเองแทนนั้น ยืนยันว่า ยังไม่ได้ปิดศูนย์ของรัฐ ยังคงไว้ทุกอย่างเผื่อเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งจะใช้กรณีใดขึ้นอยู่กับทางแพทย์ หากการสื่อสารของตน เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ทำให้สับสนต้องขอโทษด้วย
ส่วนการอนุญาตให้คนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ ว่า เดิมทีทุกประเทศต้องขอวีซ่า ต่อมาเพื่อความสะดวกจึงมีฟรีวีซ่า จำนวน 56 ประเทศ ซึ่งใน 56 ประเทศนี้ มีฮ่องกง อิตาลี เกาหลีใต้ รวมอยู่ด้วย เราจึงยกเลิกฟรีวีซ่า ของ 3 ประเทศดังกล่าว นอกจากนั้นยังมีการยกเลิก VISA on Arrival (VOA) จำนวน 18 ประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยคณะกรรมการระดับชาติ ได้มีมติเมื่อวันที่ 11 มี.ค. ยืนยันไทยไม่ได้ยกเลิกการเดินทางเข้าประเทศ และยังไม่ปิดประเทศ แต่ถ้าเข้ามาจะต้องไปขอวีซ่าที่สถานทูต และดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค –30 ก.ย. ซึ่งจะรายงานให้ที่ประชุม ครม. ทราบต่อไป
วานนี้ (12 มี.ค.) ที่โรงพยาบาลราชวิถี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข, นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เดินทางตรวจเยี่ยมการเตรียมการด้านสาธารณสุข เพื่อรองรับการรักษา โควิด-19 ที่อาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี โดยมี นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผอ.รพ.ราชวิถี ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้นายกฯได้ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่ตัวแทนญาติผู้ป่วย แพทย์ และพยาบาล รวมถึงมอบยาต้านไวรัสฟาวิพิลาเวีย ซึ่งองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ติดต่อซื้อจากรัฐบาลญี่ปุ่น ให้แก่โรงพยาบาลของกรมการแพทย์ เพื่อนำไปแบ่งปันให้แก่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร และเครือข่ายโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ และได้ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนายารักษาของ รพ.ราชวิถี สูตรยาค็อกเทล (Cocktail) ของไทยด้วย
ระหว่างการตรวจเยี่ยม นายกฯ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว กรณีการให้ข้อมูลของหน่วยงานต่างๆของภาครัฐว่า อยู่ระหว่างการพูดคุยกันเพื่อทำความเข้าใจแล้ว
พบป่วย 11 รายใหม่-ปาร์ตี้ร่วมกัน
ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 ประจำวันว่า วันที่ 12 มี.ค. มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 11 ราย ซึ่งตรวจจับได้จากการขยายเกณฑ์การตรวจคัดกรอง คือ คนมีปอดบวมไม่รู้สาเหตุ และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน โดยเหตุการณ์ผู้ป่วยเป็นกลุ่มเกิดขึ้นจากการมีชาวฮ่องกงเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 และเริ่มป่วยเมื่อวันที่ 25 ก.พ.63 ด้วยอาการไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ไอ โดยระหว่างที่ป่วยก็ยังไปพบปะสังสรรค์ที่ร้านอาหารย่านทองหล่อ กับเพื่อนกลุ่มคนไทยจำนวน 15 คน จำนวน 2 ครั้ง คือ วันที่ 27 ก.พ. และ 29 ก.พ. หลังจากนั้น วันที่ 4 มี.ค. ผู้ร่วมสังสรรค์คนไทยกลุ่มนี้เริ่มทยอยป่วยด้วยอาการโรคระบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน จึงได้รับรายงาน จากการเข้าไปตรวจสอบ โดยพบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 11 คน เป็นชาย 5 ราย หญิง 6 ราย
“ขณะที่ป่วยนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงได้มีการนัดสังสรรค์ที่ย่านทองหล่อกับเพื่อน 2 ครั้ง โดยมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอสล์แก้วเดียวกันและสูบบุหรี่มวนเดียวกัน หลังจากนั้นในวันที่ 4 มี.ค. ผู้ร่วมสังสรรค์เริ่มทยอยป่วย 7 ราย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลและตรวจสอบการติดเชื้อ 11 ราย จากทั้งหมด 15 ราย ในจำนวน 4 รายที่ไม่ป่วยและไม่ติดเชื้อ เผยว่า ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ร่วมกันกับกลุ่มเพื่อน กระทรวงได้ติดตามครอบครัวและเพื่อนที่ไม่ได้ร่วมกลุ่มสังสรรค์ประมาณ 70 ราย โดยผลการตรวจจากทางห้องปฏิบัติการครั้งแรกไม่พบเชื้อโควิด-19 จึงไม่พบหลักฐานว่าเกิด super spreading เนื่องจากการติดเชื้อยังไม่ได้ออกนอกกลุ่มที่ร่วมสังสรรค์และเพื่อนสนิท แต่จะมีการติดตามต่อเนื่องจนครบ 14 วัน ส่วนผู้ป่วยชาวฮ่องกงได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว” นพ.สุขุม กล่าว
นพ.สุขุม กล่าวต่อว่า สรุปมีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยัน คือ 70 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 35 ราย เสียชีวิต 1 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 34 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนทั้งหมด 5,232 ราย กลับบ้านได้แล้ว 3,865 ราย ยังคงรักษาใน รพ. 1,367 ราย
บิ๊ก ทอท.-ดีดี TG ไขก๊อกพร้อมกัน
วันเดียวกัน ได้มีกระแสข่าวว่า น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่บริหารจัดการศูนย์ EOC ที่มีแรงงานผิดกฎหมายที่กลับจากต่างประเทศ หรือผีน้อย หลุดรอดการคัดกรองและกักตัวไป
โดย นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เปิดเผยว่า น.ท.สุธีรวัฒน์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจริงโดยขอให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.63 แต่ตนให้กลับไปทบทวนใหม่ เนื่องจากยังมีเวลาในการตัดสินใจ น.ท.สุธีรวัฒน์จึงขอลางานเป็นเวลา 7 วันเพื่อทบทวน
ทั้งนี้ นายนิตินัย ได้ปฏิเสธกระแสข่าวว่า ตนจะลาออกจากตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ต่อมา เวลา 18.00 น. วันเดียวกันนี้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือแจ้ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม ผู้อำนวยการใหญ่และกรรมการ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีการประชุมครั้งพิเศษ ที่ 4/2563 ได้พิจารณา และมีมติให้ลาออกได้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.63 เป็นต้นไป (รายละเอียดอ่านต่อหน้า 12)
แจ้ง ปอท.เอาเรื่องโฆษกกรมศุลฯ
อีกด้าน นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายชัยยุทธ คำคูณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร ที่รายงานการส่งออกหน้ากากอนามัยในเดือน ม.ค-ก.พ.2563 มีการส่งออกหน้ากากอนามัยทั้งสิ้นกว่า 330 ตัน คิดเป็นมูลค่า 160 ล้านบาท ซึ่งเป็นการส่งออกหน้ากากอนามัยตามใบอนุญาตของกรมการค้าภายใน ในข้อหาการหมิ่นประมาทโดยการประชาสัมพันธ์ เพราะเอาข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงมาออกสื่อ ทำให้กรมการค้าภายใน ได้รับความเสียหาย พร้อมเปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 17- 28 ก.พ.63 มียอดขอส่งออกที่ที่ส่งมายังคณะกรรมการ มียอดรวมกว่า 53 ล้านชิ้น จากผู้ประกอบการที่ขอมา 242 ราย แต่ทางคณะกรรมการฯได้อนุญาตให้ 7 ผู้ประกอบการ ส่งออกเพียง 12 ล้านชิ้นเศษ ไปยังประเทศปลายทาง ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เนเธอแลนด์ ฟิลิปปินส์ และเยอรมัน และไม่อนุญาต กว่า 41 ล้านชิ้น
ยันอนุมัติแมสก์ให้ ส.ร้านขายยาแล้ว
มีรายงานข่าวแจ้งถึง การประสานงานระหว่างสมาคมร้านขายยา ไปยังกรมการค้าภายในเพื่อขอรับหน้ากากอนามัยที่ได้จัดสรรหน้ากากอนามัยให้แก่ สมาคมร้านขายยา วันละ 2.5 หมื่นชิ้น เพื่อจำหน่ายกับผู้ที่ต้องการ แต่ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับ ตามที่นายเทพรักษ์ สุรทานต์นนท์ ประธานสภาที่ปรึกษาสมาคมร้านขายยา ออกข่าวประชาสัมพันธ์เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งว่า มีอุปสรรค เนื่องจากถูกกรมการค้าภายในยื่นข้อเสนอว่าให้สมาคมร้านขายยาต้องทำหนังสือขอโทษไปยังอธิบดีกรมการค้าภายใน กรณีที่ออกข่าวว่าสมาคมฯก่อน ถึงจะจัดสรรหน้ากากอนามัยให้ เนื่องจากข่าวที่ออกไปทำให้อธิบดีกรมการค้าภายในเสื่อมเสียเกียรติ
อย่างไรก็ตาม นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ปฏิเสธว่าข่าวดังกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง และทางกรมการค้าภายในได้อนุมัติหน้ากากอนามัยให้กับร้านขายยาที่เป็นสมาชิกของสมาคมร้านขายยาแล้ว ตอนนี้รอเพียงแต่ว่าถ้ามีหน้ากากอนามัยผลิตออกมาเมื่อไหร่ ก็จะส่งมอบให้กับทางสมาคมร้านขายยาได้ทันที
“สมาคมฯ มีการส่งรายชื่อมาแล้ว แล้วเราก็มีการอนุมัติให้ไปแล้ว รอรับของอย่างเดียว สมาคมฯ เขาส่งรายชื่อมาแล้ว ส่งมาเมื่อวาน ส่วนสินค้า มีสินค้าพร้อมเมื่อไหร่ผมก็ส่งให้ทันที” นายวิชัย ระบุ
ชัดแล้วเลิก “ฟรีวีซ่า-VOA” 22 ประเทศ
ที่ศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19 ) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวชี้แจง การเปลี่ยนแปลงที่กักกันตัวจากศูนย์ของรัฐ ไปยังบ้านของตัวเองแทนนั้น ยืนยันว่า ยังไม่ได้ปิดศูนย์ของรัฐ ยังคงไว้ทุกอย่างเผื่อเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งจะใช้กรณีใดขึ้นอยู่กับทางแพทย์ หากการสื่อสารของตน เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ทำให้สับสนต้องขอโทษด้วย
ส่วนการอนุญาตให้คนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ ว่า เดิมทีทุกประเทศต้องขอวีซ่า ต่อมาเพื่อความสะดวกจึงมีฟรีวีซ่า จำนวน 56 ประเทศ ซึ่งใน 56 ประเทศนี้ มีฮ่องกง อิตาลี เกาหลีใต้ รวมอยู่ด้วย เราจึงยกเลิกฟรีวีซ่า ของ 3 ประเทศดังกล่าว นอกจากนั้นยังมีการยกเลิก VISA on Arrival (VOA) จำนวน 18 ประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยคณะกรรมการระดับชาติ ได้มีมติเมื่อวันที่ 11 มี.ค. ยืนยันไทยไม่ได้ยกเลิกการเดินทางเข้าประเทศ และยังไม่ปิดประเทศ แต่ถ้าเข้ามาจะต้องไปขอวีซ่าที่สถานทูต และดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค –30 ก.ย. ซึ่งจะรายงานให้ที่ประชุม ครม. ทราบต่อไป