xs
xsm
sm
md
lg

มีแต่ซ้ำเติม! “อุ๊-หฤทัย” จวก คนไทยชอบด่าประเทศไทย เสพข่าวปลอม เก่งแต่ปาก “ทูตนริศโรจน์” ให้ดูออสเตรเลีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อุ๊-หฤทัย” สุดทน จวกแรง คนไทยชอบด่าประเทศไทย เสพข่าวปลอม เก่งแต่ปาก ชอบความฉิบหาย สอดรับกับ “ทูตนริศโรจน์” ชี้ว่า ออสเตรเลียก็ติดเชื้อพอๆ กับไทย แต่ข่าวปลอม การเอาเรื่องนี้มาเล่นสกปรกทางการเมืองทำลายประเทศแทบไม่มี

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (12 มี.ค. 63) เฟซบุ๊ก หฤทัย ม่วงบุญศรี ของ อุ๊-หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องชื่อดัง โพสต์ข้อความ ระบุว่า

“การจัดการกับโรคระบาดในประเทศไทย ถือว่าดีที่สุดแล้ว มีแต่คนไทยที่ด่าประเทศไทยด้วยกันเอง พวกมึงไม่แหกหูแหกตาดูข่าวจริง ดูแต่ข่าวปลอม ไอ้พวกเก่งแต่ปาก ชอบความฉิบหาย

ฟังจาก “อุ๊ หฤทัย” วันนี้แล้ว ทำให้อดคิดถึง ความเห็นของ “ทูตนริศโรจน์” ไม่ได้

โดยเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 63 นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ว่า

ผมอยู่ออสเตรเลีย สถิติคนป่วยจาก Covid-19 ของที่นี่อัตราส่วนพอๆ กับไทย

แต่คนทางนี้ไม่ panic (ตกใจ) มากมายเหมือนคนไทย !!!

จริงอยู่มีการกักตุนหน้ากาก/กระดาษชำระ แต่ผู้คนก็ยังใช้ชีวิตปกติ คนใส่ มาสก์ น้อยมาก (ใส่เฉพาะคนป่วย)

เขาป้องกันด้วยการล้างมือทำความสะอาดบ่อยๆ แค่นั้น

ที่นี่ดีอย่าง ข่าว fake ข่าวปลอม คลิปปลอม แทบไม่มีเลย

ถึงแม้คนออสซี่จะไม่ค่อยชอบขี้หน้า Scott Morrisson นรม.ออสเตรเลีย แต่เขาไม่เล่นสกปรกแบบบ้านเรา เขา fair play กว่า !!!

อ่านข่าวที่เมืองไทยแล้วจิตตกจริงๆ

ภาพจากเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาด วันนี้ นายแพทย์ สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์ เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต นายแพทย์ ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ นายแพทย์ โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า

ในวันนี้ มีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านได้ 1 ราย เป็นหญิงอายุ 62 ปี รักษาที่สถาบันบำราศนราดูร และพบผู้ป่วยยืนยันเป็นกลุ่มก้อน 11 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด ซึ่งเป็นการค้นพบจากการขยายการคัดกรองการป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน

โดยสรุปมีผู้ป่วยยืนยันที่รักษาหายแล้ว 35 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 34 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยสะสม 70 ราย สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 1 ราย ที่สถาบันบำราศนราดูร ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้รับรายงานผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ให้ประวัติว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ได้พบปะกลุ่มเพื่อนนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงที่มาเที่ยวเมืองไทย หลังจากนั้น 4 วัน (วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563) เริ่มป่วยด้วยอาการไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ไอ

ในขณะที่มีอาการป่วยอยู่นั้น ได้นัดสังสรรค์กับเพื่อนสนิทอีก 2 ครั้ง (วันที่ 27 และ 29 กุมภาพันธ์ 2563) โดยมีพฤติกรรมดื่มสุราแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกัน หลังจากนั้น ในวันที่ 4 มีนาคม 2563 ผู้ร่วมสังสรรค์เริ่มทยอยป่วย 7 คน เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยตรวจพบการติดเชื้อ 11 คน จากทั้งหมด 15 คน (รวมผู้ป่วย) เป็นชาย 5 คน หญิง 6 คน ช่วงอายุ 25-38 ปี ในจำนวนนี้มี 4 คน ที่ไม่ป่วยเเละไม่ติดเชื้อ ทั้งหมดให้ประวัติว่า ไม่ได้ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ร่วมกับกลุ่มเพื่อน

กระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามครอบครัวและเพื่อนที่ไม่ได้ร่วมกลุ่มสังสรรค์เบื้องต้น 70 คน ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการครั้งแรกไม่พบเชื้อ จึงไม่พบหลักฐานว่า เกิด super spreading เนื่องจากเป็นการติดเชื้อในกลุ่มเพื่อนสนิทที่ร่วมวงสังสรรค์ ยังไม่ออกนอกกลุ่ม

กรณีการป่วยเป็นกลุ่มก้อนครั้งนี้ เป็นบทเรียนที่สำคัญของคนไทยหลายประการ คือ 1. หากป่วยแล้วไม่กักตัว ส่งผลกระทบคนใกล้ชิดและครอบครัวติดเชื้อ 2. ในสถานการณ์โรคระบาด มาตรการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ล้างมือ/ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น เป็นสิ่งสำคัญมาก 3. เมื่อเจ็บป่วยต้องพักอยู่กับบ้าน ลดความเสี่ยงของผู้อื่นและสังคม เราจะป้องกันและชะลอเฟส 3 ได้ หากทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ความปลอดภัยและสุขภาพคือสิ่งสำคัญอันดับแรก ทั้งนี้ หากพบอาการป่วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่จำนวนหลายคนในช่วงเวลา 1-2 สัปดาห์ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและพบแพทย์ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 (ข่าวจากไทยโพสต์)

แน่นอน, ประเด็นสำคัญอยู่ที่ โพสต์ของ “อุ๊-หฤทัย” และ “ทูตนริศโรจน์” ที่สะท้อนให้เห็นการปล่อยข่าวปลอม การเล่นสกปรกทางการเมือง โดยไม่รับผิดชอบ และไม่คำนึงถึงผลร้าย อันเท่ากับการทำร้ายทำลายประเทศ อย่างน่าอดสูใจ หรือที่ “ทูตนริศโรจน์” ใช้คำว่า “จิตตก” ขณะที่ประเทศ อย่าง ออสเตรเลีย แม้ว่าจะไม่ชอบนายกรัฐมนตรี แต่เขาก็แทบไม่มีข่าวปลอม ไม่เอาเรื่องนี้มาเล่นสกปรกทางการเมือง มันสะท้อนอะไร ต่างกันหรือไม่ คงไม่ต้องให้ตอกย้ำอีกแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น