พิษณุโลก - พ่อ “เฮียตี๋” ลั่นวันเผาศพ ใครมีหลักฐานลูกกู้เงินเอามาได้เลย พร้อมชดใช้ ขณะที่ตำรวจรอผลตรวจเลือด 5 ผู้เสียชีวิตยกครัว-รอยนิ้วมือ แต่เบื้องต้นยืนยันไม่พบสิ่งผิดปกติในคดีนักธุรกิจหนุ่มตายยกครัว 5 ศพ กับสุนัขอีก 6 ตัว
ความคืบหน้ากรณีนายกัณตภณ แป้นวงศ์ อายุ 39 ปี หรือเฮียตี๋ เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสอง “กัณตภณออโต้” เลขที่ 114 หมู่ 1 ต.จอมทอง อ.เมืองพิษณุโลก กินยาพิษแล้วใช้เตาอั้งโล่รมควันฆ่าตัวพร้อมกับคนในครอบครัว ประกอบด้วย นางสุนิสา แป้นวงศ์ มารดา, นางยอดขวัญ แป้นวงศ์ ภรรยา, ด.ช.รชฏ แป้นวงศ์ บุตรชาย และ น.ส.สุธิพร แป้นวงศ์ พี่สาว รวม 5 ศพ กับสุนัขอีก 6 ตัว รวม 11 ชีวิต
ล่าสุด วันนี้ (24 ก.พ.) กลุ่มเพื่อนโรงเรียนมัธยมของเฮียตี๋ได้พากันเดินทางไปที่เต็นท์รถยนต์มือสองกัณตภณออโต้ และเข้าพบนายธงชัย แป้นวงศ์ หรือตี๋สั้น บิดาเฮียตี๋ เพื่อพูดคุยสอบถามถึงสาเหตุการตายต่างๆ
นายธงชัย หรือตี๋สั้น บิดาของเฮียตี๋ เปิดเผยว่า ณ วันนี้ตนก็ยังทำใจไม่ได้ ไม่เชื่อว่าลูกจะฆ่าตัวตาย แต่ต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ถ้าผลออกมาว่าลูกตนฆ่าตัวตายก็พร้อมที่จะเชื่อ แต่ส่วนตัวแล้วตนเองมีสิทธิ์ที่จะเชื่อว่าลูกตนไม่ได้ฆ่าตัวตาย
ส่วนเรื่องของหนี้สินต่างๆ ที่มีเจ้าหนี้ออกมาพูดจาว่าลูกของตนเป็นหนี้มากมายหลายสิบล้านบาท หากไม่มีหลักฐานขอให้หยุดพูดจา ครอบครัววงศ์ตระกูลตนเสียหาย แต่หากมีหลักฐานในการกู้ยืมเงิน ตนขอร้องให้นำหลักฐานการกู้ยืมมาแสดงได้เลย มานั่งพูดคุยกันได้ ไม่ต้องกลัวอะไรตนเลย ยินดีรับฟัง ให้มาในพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) ที่งานฌาปนกิจศพลูกชายของตนที่วัดท่าตะเคียน หากลูกตนเป็นหนี้ใครจริงๆ และมีหลักฐานตนพร้อมที่จะคืนเงินให้
“คืนหลังเกิดเหตุ ฝันว่าลูกสาวมาหา นั่งข้างๆ ร้องไห้เสียใจ และกล่าวว่าความจริงเราไม่ได้เป็นหนี้เขา แต่เขานั่นแหละที่เป็นหนี้เรา แต่เราก็เชื่อว่ามันเป็นเพียงความฝันเท่านั้นไม่ได้คิดอะไรมาก ความจริงก็ว่าเป็นไปตามกฎหมาย”
สำหรับที่ดิน 4 ไร่เศษ ซึ่งเป็นที่ตั้งร้านจำหน่ายรถมือสองและตัวบ้าน ทราบมาว่าลูกของตนนำไปเข้าธนาคารและนำเงินออกมาลงทุนนั้น หลังจากเสร็จธุระเรื่องงานเผาศพแล้วก็จะไปติดต่อเพื่อชำระหนี้และไถ่ถอนที่ดินออกมา
ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก. สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้นตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วไม่พบความผิดปกติ มีการล็อกกลอนจากภายในห้องที่เกิดเหตุ และจากการสอบสวนพยานแวดล้อมพบว่าก่อนเกิดเหตุ 1-2 วัน เฮียตี๋สั่งให้ทำกลอนภายในห้องใหม่ พร้อมมีการนำพลาสติกแบบกันกระแทก-พลาสติกใสมาอุดตามช่องประตูหน้าต่างเพื่อป้องกันอากาศไม่ให้เข้าหรือออกจากห้องได้
“ที่เกิดเหตุในห้องนอนจุดพบผู้เสียชีวิตทั้ง 5 ราย พร้อมสุนัข 6 ตัว มีการล็อกกลอนประตูถึง 2 ชั้น ทั้งกลอนเก่าและกลอนใหม่ ก่อนมีการเปิดแอร์ จุดไฟเตาอั้งโล่ จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครมาทำอะไรได้ ในกรณีการฆ่าตัวตายยกครัวนี้ และผลจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุสอดคล้องกันไม่พบสิ่งผิดปกติ ขณะที่การตรวจชันสูตรพลิกศพไม่พบสารพิษในกระเพาะอาหาร”
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจต้องพิสูจน์ว่าการตายผิดธรรมชาติหรือผิดอาญาหรือไม่ แน่นอนว่าทั้ง 5 คนทราบว่าจะต้องฆ่าตัวตายแต่ต้องดูว่าใคร เป็นคนลงมือก่อไฟและทำให้เกิดการเสียชีวิตในครั้งนี้ ซึ่งคนลงมือจะมีความผิดอาญาด้วยที่กระทำการให้ผู้อื่นขาดอากาศหายใจ จนเกิดการเสียชีวิต หากผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ออกมาพบว่ามีเพียงรอยนิ้วมือของเฮียตี๋เพียงคนเดียว เฮียตี๋ก็จะกลายเป็นผู้กระทำความผิดทางอาญาแต่เพียงผู้เดียว ส่วนอีก 4 รายที่เสียชีวิตก็จะได้รับค่าชดเชยสินไหมจากกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นค่าสินไหมจากเหยื่ออาชญากรรม วงเงินประมาณ 1 แสนบาทต่อราย
ล่าสุดได้นำส่งตัวอย่างเลือดไปตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ว่ามีสารพิษหรือสารยากล่อมประสาทชนิดใดอยู่ภายในเลือดด้วยหรือไม่ และจะมีการตรวจลายนิ้วมือที่ซีลพลาสติกว่ามีรอยมือของใครที่ทำบ้าง คดีนี้เราคงต้องมีความละเอียดรอบคอบ ต้องมีการแยกสารพิษในเลือด 4-5 คน คาดว่าคงต้องใช้เวลานานไม่ต่ำกว่า 1 เดือน หรืออาจนานถึง 2 เดือนจึงจะสรุปผลได้ ส่วนยอดหนี้สินยังไม่มีความชัดเจน เฉพาะยอดในธนาคาร 4-5 แห่ง วงเงินไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ต้องทำความเข้าใจกับครอบครัวและทุกฝ่ายอีกครั้ง