ลำปาง - รองอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมผู้ว่าฯ ลำปางร่วมเป็นประธานปล่อยกำลังพลเกือบ 500 นายออกปฏิบัติการลาดตระเวนดับไฟป่าในพื้นที่ลำปางและแพร่ ระบุที่ผ่านมาจับผู้กระทำผิดเผาป่าทั้งจำทั้งปรับไปแล้ว 45 ราย ทั้งเตือนประชาชนให้สวมหน้ากากตลอดเวลาเพราะหากสูดดมอากาศที่มีกลุ่มควันเข้าไป 5-6 วันจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
บ่ายวานนี้ ที่บริเวณสถานีควบคุมไฟป่าพระบาท-ม่อนพระยาแช่ ตำบลพิชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้เป็นประธานในการปล่อยแถวกำลังพลชุดปฏิบัติการดับไฟป่า สนับสนุนการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งมีการระดมกำลังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกือบ 500 นายเข้ามาสนับสนุนในการแก้ปัญหาไฟป่าในพื้นที่จังหวัดลำปางและจังหวัดแพร่
นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ปัจจุบันระดับการเกิดไฟป่าในประเทศไทยมีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อสมดุลและระบบนิเวศสังคมพืช ดิน น้ำ สัตว์ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ไฟป่ายังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดวิกฤตมลพิษหมอกควัน ทำให้ค่า PM 10 และ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนตลอดจนเศรษฐกิจสังคมและการท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง แพร่ น่าน และตาก
สถานการณ์ดังกล่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดระดมกำลังของหน่วยงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งจิตอาสา มาสนับสนุนเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ เกือบ 500 นาย เพื่อออกลาดตระเวน และช่วยดับไฟป่าในพื้นที่ 2 จังหวัด คือ จังหวัดลำปาง และจังหวัดแพร่
ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือในขณะนี้ถือว่าเป็นปัญหาสำคัญและเป็นวาระแห่งชาติ และมีความสำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันบูรณาการในการร่วมมือและสนับสนุนเพื่อให้การควบคุมไฟป่าและแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในวันนี้ก็จะเห็นแล้วว่าทุกภาคส่วนได้มีการผนึกกำลังร่วมแรงร่วมใจกันในการทำหน้าที่เพื่อปกป้องทรัพยากรป่าไม้ของชาติ และเพื่อคุณภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนทุกคน
ส่วนปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้นในปีนี้เกิดปัญหาเร็วกว่าทุกปี คือตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม จนถึงขณะนี้มีจุดความร้อนเกิดขึ้นประมาณ 2,500 จุด ซึ่งก็จะพอๆ กับจังหวัดตาก แต่ตอนนี้ความโชคร้ายอีกอย่างคือ ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมจนถึงขณะนี้สภาพอากาศหนาวเกือบตลอดทำให้อากาศจะลอยตัวขึ้นก็ใกล้ๆ เที่ยง ทำให้ตอนเช้าฝุ่นควันไม่กระจายไปไหน ประกอบกับช่วงเช้าต้นไม้จะคลายไอน้ำและมีหมอกร่วมด้วยจึงทำให้สภาพอากาศดูเหมือนจะแย่มาก แต่พอใกล้เวลาเที่ยงก็จะเห็นว่าบางคนก็สวมหน้ากากบางคนก็ไม่สวมและท้องฟ้าก็ไม่แย่ แต่หากสูดดมติดต่อกัน 5-7 วันก็จะทำให้มีผลต่อสุขภาพ ซึ่งก็จะต้องเร่งควบคุมตรงนี้
ส่วนมาตรการในการแก้ปัญหาฝุ่นควันทางจังหวัดในขณะนี้ก็ดำเนินการหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องของรถยนต์ให้มีการตรวจควันดำ และเดือน ก.พ. มี.ค. เม.ย. รถที่ใช้น้ำมันดีเซลทุกคันสามารถเข้าตรวจสภาพได้ที่สำนักงานขนส่ง และที่ ต.ร.อ.ภายในจังหวัดลำปางอีกกว่า 70 แห่งได้ฟรี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและสำนักงานขนส่งจะมีการตรวจเข้มรถทุกคันที่จะเข้าในตัวเมือง ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมก็จะมีการออกไปตรวจวัดค่า ขอความร่วมมือในช่วงเช้าให้ลดการดำเนินกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดฝุ่นควัน รวมถึงการก่อสร้างถนนและขนดิน ทราย ขี้เถ้าต่างๆ ด้วย ส่วนค่าฮอตสปอตที่สูงขึ้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาในขณะนี้เริ่มควบคุมได้ จะดูได้จากค่า 400 ลดลง 200 และขณะนี้ 100 กว่า ซึ่งสามารถลดลงมาได้อยู่ในเกณฑ์ที่จะสามารถควบคุมได้ต่อไป และหากอุณหภูมิสูงขึ้นก็คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นตามลำดับ ในวันนี้ได้มีการเสริมกำลังเข้ามาสนับสนุนในสองจังหวัดลำปางและจังหวัดแพร่อีกเกือบ 500 นาย ก็คาดว่าจะสามารถช่วยในการดับไฟและสับเปลี่ยนกำลังที่ทำงานมาอย่างหนักและจะเริ่มล้าได้
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนอย่าเผา เพราะที่ผ่านมาในจังหวัดลำปางได้มีการดำเนินคดีไปแล้ว 45 รายซึ่งมีทั้งปรับและดำเนินคดีสูงสุด และขอย้ำว่าหากมีการเผาป่าในพื้นที่ ส.ป.ก. พื้นที่เกษตรแล้วลุกลามเข้าไปยังพื้นที่ป่าจะถูกดำเนินคดีอย่างสูงสุด และทางกระทรวงเกษตรฯ จะมีมาตรการงดให้การช่วยเหลือตาม นโยบายของรัฐในด้านต่างๆ อีกด้วย แต่อยากเห็นความร่วมมือของประชาชนที่จะไม่ให้มีการเผาเกิดขึ้นเพราะหากมีเจ้าหน้าที่จำนวนมากแต่ยังไม่มีการหยุดเผาก็จะช่วยอะไรไม่ได้ ส่วนการตั้งเป้าไว้คือการลดฮอตสปอตจะไม่ให้มีสีแดงติดต่อกันเกิน 5 วัน และลดจำนวนผู้ป่วย ซึ่งจากปีก่อนหน้านี้มีประมาณ 6,000 ราย ลดลงให้ได้ 70%