ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ฝุ่นควันและหมอกไฟเผาคลุมทึบทั่วทั้งเมืองเชียงใหม่ ดอยสุเทพถูกบังมิด แนวโน้มส่อเข้าช่วงวิกฤต ทุกสถานีตรวจวัดพบค่า PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานกระทบสุขภาพ ประชาชนต้องสวมใส่หน้ากากป้องกัน
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้ (31 ม.ค. 63) สภาพตัวเมืองเชียงใหม่จากมุมสูงมีหมอกควันจากการเผา และไฟป่าเข้ามาสะสมตัวในอากาศจนหนาทึบ ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลงอย่างมาก แตกต่างจากช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ฟ้องฟ้าโปร่งอากาศสดใส เป็นสาพฟ้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใสอย่างมาก โดยทั่วทั้งตัวเมืองเต็มไปด้วยหมอกควันสีขาวที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
โดยเฉพาะดอยสุเทพที่อยู่ทางด้านตะวันตกของตัวเมืองเชียงใหม่ และเป็นดัชนีชี้วัดคุณภาพอากาศทางภูมิศาสตร์ พบว่าตอนนี้มองเห็นดอยสุเทพจากตัวเมืองได้เพียงลางๆ เท่านั้น เนื่องจากมีหมอกควันสีขาวหนาทึบสะสมตัวในอากาศ และบดบังดอยสุเทพลง ส่วนแสงพระอาทิตย์ก็ส่องลอดลงมาถึงพื้นล่างได้เพียงบางๆ เท่านั้น ส่งผลให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่ต่างพากันสวมใส่หน้ากากอนามัยออกมาใช้ชีวิตประจำวันเพื่อหลีกเลี่ยงผลประทบของฝุ่นควันที่มีอันตรายต่อสุขภาพ รวมทั้งเพื่อป้องกันเรื่องของการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสไปพร้อมกันด้วย
โดยในวันนี้ศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันจังหวัดเชียงใหม่ มีรายงานจุด Hotspot ในช่วงเช้า จำนวน 23 จุด เกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 11 จุดป่าสงวนแห่งชาติ 10 จุด ในเขตที่มีเอกสารสิทธิ์ สปก 4-01 อีก 2 จุด ลดลงจากเมื่อวานนี้ที่มีจุดความร้อนทั่วเมืองเชียงใหม่ทั้งหมด 125 จุด ซึ่งเป็นเหตุทำให้เช้าวันนี้มีฝุ่นควันลอยคละคลุ้งไปทั่วเมือง
จากการรายงานของกรมควบคุมมลพิษพบว่า สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ วัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศหรือ PM 2.5 ได้ 73 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนที่ตำบลศรีภูมิวัดได้ 69 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และที่ ตำบลสุเทพวัดได้ 57 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนแล้ว ขณะเดียวกันหลายจังหวัดของภาคเหนือ ก็มี ปัญหาเรื่องของคุณภาพอากาศจากหมอกควันไฟป่า ทั้ง เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน และจังหวัดตาก จังหวัดที่หนักสุดมีค่า PM 2.5 เกิน 100 ไมโครกรัม คือ ที่จังหวัดลำปาง รองลงมาเป็นจังหวัด แพร่ และตาก
