นครสวรรค์ - น้ำในบึงบอระเพ็ดเริ่มลดลงต่อเนื่อง บางจุดตื้นเขินจนสันดอนโผล่กระทบการล่องเรือท่องเที่ยวต้องอ้อมใช้ระยะทางยาวกว่าเดิมเพิ่มต้นทุนผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยว ด้านประมงจังหวัดวอนเกษตรกรงดสูบน้ำในบึงไปทำนาเพราะต้องรักษาระบบนิเวศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ปริมาณน้ำที่ลดลงอย่างต่อเนื่องภายในบึงบอระเพ็ดวันนี้ (10 ม.ค.) เริ่มส่งผลกระทบต่อเส้นทางการเดินเรือท่องเที่ยวชมทุ่งบัวแดง และเที่ยวดูนกหนีหนาวบ้างแล้ว เนื่องจากเจ้าของกิจการเดินเรือท่องเที่ยวภายในบึงบอระเพ็ดต่างกำลังประสบปัญหาเส้นทางเดินเรือ เพราะปริมาณน้ำที่ลดลงส่งผลทำให้บางจุดไม่สามารถเดินเรือผ่านได้เพราะน้ำตื้นเขิน เกิดสันดอนและมีตอไม้โผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำ ทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวแต่ละจุดของบึงบอระเพ็ดต้องใช้เวลานานขึ้นเพราะต้องใช้เส้นทางอ้อมเลี่ยงจุดที่ตื้นเขิน
นายไพศาล เมืองจั่น ผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวบึงบอระเพ็ด เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำภายในบึงขณะนี้ลดลงเร็วกว่าปีก่อน ทำให้เดินเรือลำบาก เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยเดินเรือได้รอบบึง และพานักท่องเที่ยวล่องเรือไปเที่ยวชมทุ่งบัวแดง ใช้เวลาเดินเรือไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่ขณะนี้ต้องใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงถึงจะไปจุดนั้นได้ รวมถึงจุดท่องเที่ยวชมนกตามเกาะต่างๆ ที่มีนกอพยพหนีหนาวจากที่อื่นมาอาศัยอยู่ในช่วงฤดูหนาว ก็ต้องใช้เวลาเดินเรือมากขึ้นด้วยเช่นกัน
“ตอนนี้ต้นทุนค่าน้ำมันในการเดินเรือเพิ่มสูงขึ้นมากไปอีก แต่ยังคิดค่าบริการเท่าเดิม คือชั่วโมงละ 1,200 บาท ซึ่งก็ไม่สามารถเพิ่มราคาได้เพราะกลัวว่านักท่องเที่ยวจะบ่นว่าแพง รับไม่ไหวกับค่าเดินทาง และแย่ไปกว่านั้นน้ำมันก็เขยิบราคาขึ้นด้วยเลยเหลือเพียงไม่กี่บาทต่อเที่ยว” นายไพศาลกล่าว
นายไพศาลยังบอกด้วยว่า สาเหตุที่ปริมาณน้ำภายในบึงบอระเพ็ดลดลงอย่างต่อเนื่องนั้น ส่วนหนึ่งเป็นปัญหาภัยแล้งที่ฝนทิ้งช่วงยาวนาน และแม่น้ำน่านรวมถึงเส้นทางน้ำที่มาจาก จ.เพชบูรณ์ มีปริมาณต่ำกว่าเกณฑ์ จึงทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลมาเติมบึงได้น้อยลง ประกอบกับเกษตรกรที่อยู่รอบบึงบอระเพ็ดยังคงมีการทำนาปรังกันอยู่ จึงทำให้ปริมาณน้ำลดลงไวมากกว่าปีก่อนที่กว่าจะประสบปัญหาเส้นทางเดินเรือจะเริ่มช่วงเดือนเมษายนของทุกปี จึงถือว่าน่าเป็นห่วงมาก
ทุกปีบึงบอระเพ็ดจะแล้งเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ปีนี้ถือว่าน้ำลดไวมากกว่าปีก่อน เพราะนี่แค่เพิ่งเดือนมกราคม น้ำยังลดฮวบถึงขนาดต้องจำกัดพื้นที่เส้นทางเดินเรือไปเรื่อยๆ แล้ว และหากปริมาณน้ำในบึงยังคงลดอย่างต่อเนื่องอยู่เช่นนี้ เชื่อว่าอาจจะเข้าขั้นวิกฤตเหมือนปี 2558 ที่สามารถขับรถลงไปเที่ยวภายในบึงบอระเพ็ดได้เลยทีเดียว” นายไพศาลกล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายวิวัฒน์ ปรารมภ์ ผู้อำนวยการประมงจังหวัดนครสวรรค์ รายงานสถานการณ์ปริมาณน้ำในพื้นที่บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ ว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำภายในบึงบอระเพ็ดลดลงมาเหลืออยู่ที่ 73.60 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเหลืออยู่ประมาณ 40.89 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็ถือว่ามีความน่าเป็นห่วงอย่างมาก เนื่องจากเมื่อเทียบกับวันเดียวกันของเมื่อปีที่แล้วจะมีน้ำเหลืออยู่ภายในบึงประมาณ 107 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงเท่ากับว่าปีนี้สถานการณ์น่าจะหนักสุด เป็นเพราะส่วนหนึ่งมาจากภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นเวลายาวนานจนไม่มีน้ำเข้ามาเติมบึง ประกอบกับชาวบ้านในบริเวณรอบบึงระเพ็ด ซึ่งมีอาณาเขต 3 อำเภอของนครสวรรค์ มีการสูบน้ำนำไปใช้เพื่อการเกษตรทุกวัน จึงทำให้ปริมาณน้ำเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อสัปดาห์ก่อน นายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีความเป็นห่วงสถานการณ์ปริมาณน้ำภายในบึงเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่าปริมาณน้ำที่อยู่ภายในบึงนั้นหายไปถึงวันละ 2-3 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงได้มีการสั่งการให้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับชาวบ้านที่ทำนาอยู่รอบบึง โดยขอความร่วมมือหากเก็บเกี่ยวข้าวรอบนี้ไปแล้วให้งดทำนาไปก่อน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ในการรักษาระบบนิเวศของบึงบอระเพ็ด
“ขณะนี้ระบบนิเวศภายในบึงบอระเพ็ดยังไม่มีความน่าเป็นห่วงมากนัก เนื่องจากยังมีพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำอยู่กว่า 40,000 ไร่ ยังถือว่าไม่น้อย แต่หากว่ามีพื้นที่น้ำต่ำกว่านี้ โดยเหลือต่ำกว่า 20,000 ไร่ จะเริ่มกระทบต่อระบบนิเวศแน่นอน แต่สุดท้ายก็ยังไม่ถือว่าวิกฤต เพราะระบบนิเวศในส่วนของพันธุ์ปลานั้น บึงบอระเพ็ดจะได้รับปลามาจากแม่น้ำน่าน และทุกปีในช่วงของฤดูแล้ง บึงบอระเพ็ดจะเหลือปริมาณน้ำต่ำสุดอยู่ที่ 9 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งชาวบ้านที่อยู่รอบบึงก็จะไม่สามารถสูบน้ำนำไปใช้เพื่อการเกษตรได้แล้ว เพราะน้ำจะไปรวมอยู่ที่ก้นบึงในจุดที่ห่างไกล แต่ก็ต้องดูสถานการณ์อีกว่าหลังจากนี้จะมีน้ำเข้ามาเติมภายในบึงอีกมากน้อยแค่ไหน” นายวิวัฒน์กล่าว