ฉะเชิงเทรา- ภัยแล้งลามหนัก! ล่าสุด ทำถนนเลียบคลองชลประทาน "ประเวศบุรีรมย์" ทรุดตัวก่อนพังถล่มลงสู่ลำคลองสาธารณะ นอกจากนั้น ยังทำให้บ่อเลี้ยงกุ้งขนาดใหญ่พังเสียหายกุ้งก้ามกรามและกุ้งขาวที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ไหลหายไปกับสายน้ำ
จากกรณีที่เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างหนักในหลายพื้นที่ของ จ.ฉะเชิงเทรา จนทำให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งหาทางช่วยเหลือประชาชน และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่เพื่อให้สามารถดูแลพืชผลการเกษตร และนาข้าวที่มีจำนวนหลายแสนไร่ไม่ให้พากันยืนต้นตาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร สำนักงานพัฒนาที่ 1 กองบัญชาการทหารพัฒนา ที่ได้นำเครื่องจักรกลหนักเข้าทำการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลใน อ.ราชสาส์น เพื่อหาแหล่งน้ำช่วยเหลือโรงพยาบาลราชสาส์น ที่กำลังขาดแคลนน้ำประปาอย่างหนักเช่นกันนั้น
ล่าสุด วันนี้ (8 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวยังได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ม.1 ต.คลองประเวศ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งยังทำให้ถนนเลียบคลองประเวศบุรีรมย์ ที่อยู่ใกล้ประตูระบายน้ำปากคลองเชื่อมลงสู่แม่น้ำบางปะกง ได้เกิดการทรุดตัวพังถล่มไหลลงไปในลำคลอง รวมระยะทางประมาณ 100 เมตร ลึกกว่า 4-5 เมตร กินเนื้อที่กว้างกว่า 10 เมตร
ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยในเขตบ้านดอนไม่สามารถสัญจรไปมาหาสู่กับชาวบ้านในชุมชนวัดกระทุ่ม และบ้านหัวเนิน ที่เชื่อมระหว่าง 2 ตำบล คือ ต.คลองประเวศ และ ต.สนามจันทร์ได้
และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามกับวัดมงคลโสภิต (วัดต้นสน) และห่างจากประตูปิดปากคลองระบายน้ำท่าถั่ว ของกรมชลประทานใน ต.บางกรูด ประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น และผลจากปัญหาภัยแล้งยังทำให้บ่อเลี้ยงกุ้งที่อยู่ติดกับถนนเลียบคันคลอง เนื้อที่กว่า 10 ไร่ มีสภาพคันดินทรุดตัวพังทลาย จนทำให้กุ้งก้ามกรามและกุ้งขาว ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ไหลไปในลำคลองทั้งหมด
จากการสอบถาม น.ส.สุคนทิพย์ มุ่ยฮะสูญ อายุ 42 ปี ชาวบ้าน ต.บางกรูด อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารตามสั่งและร้านค้าของชำที่อยู่ติดกับวัดต้นสน ทราบว่า ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ถนนบริเวณดังกล่าวได้เริ่มทรุดตัวลงในลำคลองจนไม่สามารถที่จะขับรถข้ามฝั่งจากสภาพถนนที่ถูกตัดขาดได้
และเหตุการณ์ดังกล่าวยังสร้างความเสียหายเป็นระยะทางไกลกว่า 100 เมตร และยังทำให้ผืนดินเนื้อถนนไหลลงปิดขวางทางน้ำบริเวณกลางลำคลองอีกด้วย
ส่วนสาเหตุเชื่อว่าน่าจะเกิดจากปัญหาภัยแล้ง ที่ทำให้น้ำในลำคลองแห้งขอดจนไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงหรือพยุงคันคลองไว้ ขณะที่น้ำในบ่อกุ้งนั้นยังคงมีอยู่เต็มจำนวนจึงทำให้ระดับน้ำที่สูงแตกต่างกันผลักดันเนื้อดินบริเวณคันคลองและถนนให้พังถล่มลงมา
"โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายเนื่องจากขณะเกิดเหตุไม่มีคนสัญจรผ่านไปมา ประกอบกับเป็นช่วงเวลากลางคืน จึงไม่มีคนใช้เส้นทางสายนี้มากนัก ขณะเดียวกัน ยังพบร่องรอยการแตกร้าวของแนวถนนที่มีโอกาสพังถล่มและสไลด์ลงไปในลำคลองอีกหลายจุด" น.ส.สุคนทิพย์ กล่าว