ฉะเชิงเทรา - วิกฤต! ประปาแปดริ้ว จ่อจ้างเอกชนสูบน้ำเสริมการผลิตโดยส่งจ่ายจากลำคลองแบ่งตะเข็บ จ.ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ ทำชาวบ้านรุมต้าน หวั่นถูกแย่งชิงน้ำเพื่อการเกษตร
วันนี้ (6 ม.ค.) กลุ่มชาวบ้านจากทั้ง 2 ฝั่งคลองที่อาศัยอยู่บริเวณแนวเขตรอยต่อระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ จำนวนกว่า 100 คน ได้รวมตัวกันเดินทางไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลคลองนิยมยาตรา อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เพื่อลงชื่อคัดค้านการก่อสร้างโครงการก่อตั้งสถานีสูบน้ำและผลิตประปาของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง เพื่อส่งจ่ายน้ำดิบขายให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค สาขาบางคล้า ซึ่งกำกับดูแลการประปา สาขาเทศบาลตำบลพิมพา อ.บางปะกง
และการประปา สาขาเทศบาลตำบลเทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ปัจจุบันกำลังขาดแคลนน้ำอย่างหนัก จนต้องทำการเชื่อมประสานท่อเพื่อขอรับน้ำจากการประปานครหลวง เขต จ.สมุทรปราการ มาช่วยจ่ายเสริมเพิ่มเติม จนทำให้แรงดันน้ำประปานครหลวง จ.ฉะเชิงเทราและ จ.สมุทรปราการ มีแรงดันต่ำจนทำให้น้ำประปาไม่ไหลเป็นระยะ
นายนพดล ฝักแคเล็ก อายุ 61 ปี ชาวบ้าน ม.4 ต.คลองนิยมยาตรา อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า บริษัทผู้ผลิตน้ำประปาเอกชนรายดังกล่าวได้เข้ามาเช่าที่ดินจากชาวบ้านในหมู่บ้าน ซึ่งมีแปลงพื้นที่ติดกับแปลงที่ดินของตนเองในเนื้อที่รวม 15 ไร่ เพื่อจัดตั้งสถานีสูบน้ำจากลำคลองนิยมยาตรา ซึ่งเป็นคลองกั้นพื้นที่ระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ
โดยจะทำการปรับพื้นที่ให้เป็นสถานีผลิตน้ำประปา เพื่อส่งจ่ายกลับไปยังพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งตนเองและชาวบ้านหวั่นว่าแปลงที่ดินที่อยู่ติดกันนั้นจะทรุดตัวพังทลายหากมีการขุดเจาะทำบ่อเก็บพักน้ำประปา เนื่องจากพื้นที่แปลงดังกล่าวเป็นที่ดินรูปทรงหน้าแคบเพียงประมาณ 25 เมตร และยาวประมาณ 1 กิโลเมตร
"อีกทั้งยังอาจจะถูกบริษัทเอกชนเข้ามาแย่งน้ำเพื่อทำการเกษตรจากลำคลอง ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ซึ่งมีอาชีพเลี้ยงกุ้ง ปลา.และทำนาจำเป็นต้องใช้ ขณะที่ฝั่ง จ.ฉะเชิงเทรา ส่วนใหญ่ชาวบ้านได้ขายที่ดินให้บริษัทเอกชนเพื่อก่อตั้งโรงงานอุตสาหกรรมจนเกือบหมดแล้ว จึงอาจไม่ได้รับความเดือดร้อนมากนัก ทั้งนี้ ชาวบ้านต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สั่งยุติโครงการดังกล่าวที่อาจกระทบต่อชาวบ้านที่ยังคงทำอาชีพเกษตรกรรมอยู่" นายนพดล กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันบริษัทเอกชนได้ส่งตัวแทนเข้าทำการชี้แจงและทำความเข้าใจกับชาวบ้านว่าโครงการที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านมากนัก เพราะบริษัทจะทำการสูบน้ำแต่เฉพาะในช่วงฤดูน้ำหลากหรือตามระเบียบและเงื่อนไขข้อตกลงของกรมชลประทานเท่านั้น
และจะใช้พื้นที่ฝั่ง จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 50 ไร่ เพื่อสร้างเป็นบ่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง จำนวน 1 แปลง ส่วนพื้นที่ จำนวน 150 ไร่อีกหนึ่งแปลง จะสามารถกักเก็บน้ำได้จำนวน 6 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี อีกทั้งโครงการที่เกิดขึ้นยังจะส่งผลดีต่อชาวบ้านใน ต.คลองนิยมยาตรา อีกด้วย
ที่สำคัญหากการประปาส่วนภูมิภาค หรือ กปภ.สามารถผลิตน้ำประปาได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำในพื้นที่แล้ว ก็จะไม่ดึงน้ำจากการประปานครหลวง ฝั่ง จ.สมุทรปราการ ซึ่งจะทำให้น้ำประปาจากการประปานครหลวงในจ.สมุทรปราการ ไหลแรงขึ้น
พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการขุดเจาะทำบ่อพักน้ำในพื้นที่แปลง 15 ไร่ ในพื้นที่ ม.4 ต.คลองนิยมยาตรา ตามที่ได้มีการทำสัญญาเช่าไว้ 5 ปี แต่จะเป็นการถมที่เพื่อใช้เป็นสถานีผลิตและส่งจ่ายน้ำประปาเท่านั้น โดยจะไม่มีการพังทลายของผืนดินต่อแปลงที่ดินข้างเคียงที่อยู่ติดกันตามที่ชาวบ้านเป็นกังวลอย่างแน่นอน
จากนั้นที่ประชุมซึ่งมี ว่าที่ ร.ต.ณัชพล สังวร ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคลองนิยมยาตรา และ ร.ต.ทองปอนด ถาวรสถิตย์ ปลัดอำเภอรักษาการนายอำเภอบางบ่อ จ.สมุทรปราการ ได้ขอให้มีการโหวตเสียงจากชาวบ้าน โดยมีผู้ยกมือคัดค้านโครงการมากถึง 80 คน งดออกเสียงประมาณ 20 คน
ส่วนผู้ที่ยกมือสนับสนุนโครงการ จำนวน 4 คน เป็นชาวบ้านที่อยู่ทางฝั่ง ต.พิมพา อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งตัวแทนบริษัทผู้ผลิตน้ำประปา จะนำมติที่ประชุมกลับไปรายงานแก่ทาง กปภ.ทราบ และพิจารณาในการดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2562 ที่ผ่านมา บริษัทเอกชนรายนี้ ได้เคยทำเวทีประชาพิจารณ์มาแล้ว 1 ครั้ง โดยที่มีผู้ยกมือให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคลอง ใน ต.พิมพา อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
ขณะที่ชาวบ้านและผู้นำชุมชนต่างมีความวิตกกังวลว่าจะถูกแย่งชิงสูบน้ำจากคลองจนแห้งขอด ทำให้ไม่สามารถที่จะทำการเกษตรได้อีกต่อไป และหวั่นเกรงว่าหากน้ำในลำคลองถูกสูบจนหายไปมากขึ้น จะยิ่งทำให้น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ฝั่ง จ.ฉะเชิงเทรา ไหลย้อนกลับมาในลำคลองจนทำให้น้ำเน่าเสียใช้ประโยชน์ไม่ได้