ฉะเชิงเทรา - ไม่สนสงครามอิหร่าน-สหรัฐฯ! ชาวบ้านเขตรอยต่อแปดริ้ว-สมุทรปราการ เตรียมเปิดศึกชิงน้ำ กปภ. ตั้งคำถามน้ำในคลองแห้งขอดอย่างหนัก ยังกล้าเปิดทางเอกชนตั้งสถานีสูบน้ำขายอีกหรือ?
จากกรณีที่กลุ่มชาวบ้านจากทั้ง 2 ฝั่งคลองที่อาศัยอยู่บริเวณเขตรอยต่อระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ กว่า 100 คนได้รวมตัวกันลงชื่อคัดค้านการก่อสร้างโครงการก่อตั้งสถานีสูบน้ำและผลิตประปาของบริษัทเอกชนรายหนึ่งเพื่อส่งจ่ายน้ำดิบขายให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค สาขาบางคล้า ซึ่งกำกับดูแลการประปา สาขาเทศบาลตำบลพิมพา อ.บางปะกง และการประปาสาขาเทศบาลตำบลเทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างหนัก
จนต้องทำการเชื่อมประสานท่อเพื่อขอรับน้ำจากการประปานครหลวง เขต จ.สมุทรปราการ มาจ่ายเสริมจนทำให้แรงดันน้ำของประปานครหลวง จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.สมุทรปราการ มีแรงดันต่ำจนทำให้น้ำประปาไม่ไหล สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนใน 2 พื้นที่มายาวนาน
แต่ที่หนักกว่านั้นคือ การที่บริษัทผู้ผลิตน้ำประปาเอกชนรายดังกล่าว เตรียมที่จะทำการก่อสร้างสถานีสูบน้ำจากลำคลองนิยมยาตรา ซึ่งเป็นคลองกั้นพื้นที่ระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ ในพื้นที่ ม.4 ต.คลองนิยมยาตรา อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จนชาวบ้านเกรงว่าจะทำให้ที่ดินของตนเองที่อยู่ใกล้กันทรุดตัวพังทลายเนื่องจากไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงนั้น
ล่าสุด วันนี้ (9 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงตรวจสอบคลองนิยมยาตรา ซึ่งเป็นคลองกั้นพื้นที่ระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ พบว่า บริเวณก้นคลองอยู่ในสภาพแห้งขอด ไม่มีน้ำจนเห็นผืนดินโผล่ตลอดแนวยาวของลำคลอง ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ได้ตั้งคำถามไปยังผู้บริหารการประปาส่วนภูมิภาคว่า การเปิดให้บริษัทเอกชนเข้ามาตั้งสถานีสูบน้ำเพื่อดึงน้ำจากคลองที่แห้งขอดขายให้แก่ตนเอง ซ้ำยังเป็นการแย่งชิงน้ำทางการเกษตรจากชาวบ้านไปขาย เป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่
โดยชาวบ้านระบุว่า ชาวบ้านในพื้นที่ริมคลอทั้งสองฝั่งคลองไม่ต้องการให้มีโครงการดังกล่าวเกิดขึ้น และที่ผ่านมา ยังได้ยื่นรายชื่อคัดค้านการก่อสร้างโครงการไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบางบ่อ จ.สมุทรปราการ และตัวแทนบริษัทเอกชนเจ้าของโครงการแล้ว
นายเชิดศักดิ์ ฝักแคเล็ก อายุ 70 ปี กล่าวว่า ตนเองประกอบอาชีพเลี้ยงปลาบริเวณริมคลองนิยมยาตรา ซึ่งสภาพน้ำในลำคลองที่แห้งขอดทำให้ได้รับความเดือดร้อนมากพอยู่แล้ว และหากในอนาคตจะต้องมีการสูบน้ำจากคลองแห่งนี้เพื่อผลิตเป็นน้ำประปาขายอีก เชื่อว่าชาวบ้านและเกษตรกรในพื้นที่จะเดือดร้อนมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับ นายบุญสืบ รัตนะสิทธิ์ อายุ 70 ปี ชาวบ้าน ม.4 ต.คลองนิยมยาตรา บอกว่า ในอดีตน้ำในลำคลองสายนี้ได้หล่อเลี้ยงประชาชนทั้ง 2 พื้นที่มาอย่างยาวนาน แต่เมื่อประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมา หลังมีบริษัทบริหารจัดการทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก รายใหญ่เข้ามาตั้งสถานีสูบน้ำบริเวณจุดตัดระหว่างคลองประเวศบุรีรมย์ และคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ซึ่งเป็นคลองสายหลัก ทำให้น้ำในลำคลองลดแห้งลงอย่างรวดเร็วจนไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้ในการเกษตร
“และปัจจุบันการประปาส่วนภูมิภาค ยังมีโครงการว่าจ้างบริษัทภาคเอกชนให้เข้ามาตั้งสถานีสูบน้ำในหมู่บ้านแห่งนี้อีก ยิ่งเสมือนเป็นการซ้ำเติมชาวบ้านและหากสุดท้ายชาวบ้านทนไม่ไหวก็จะพากันออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการดังกล่าวเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกแย่งชิงน้ำไปจากพื้นที่ จึงอยากให้รัฐบาลและการประปาส่วนภูมิภาค หาแนวทางอื่นที่ดีกว่า” ชาวบ้าน ม.4 ต.คลองนิยมยาตรา กล่าว