xs
xsm
sm
md
lg

ชวนจิบ “กาแฟสด” รสชาติดีถึงสวนของชาวบ้านสะเนพ่อง อีกหนึ่งทางเลือกของคอกาแฟ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - ชาวบ้านสะเนพ่อง นำกาแฟที่มีอยู่ในสวนหลังบ้านมาผลิตเพื่อไว้บริโภคเอง ช่วยลดรายจ่าย และนำไปจำหน่ายสร้างรายได้ในครัวเรือน เป็นการจิบกาแฟในสวน ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคอกาแฟ

การได้มาดื่มกาแฟรสชาติดีถึงในสวนกาแฟ ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น ได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องกาแฟกับผู้ที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน เป็นกิจกรรมยามบ่ายที่ นุชจรีย์ เสตะพันธุ์ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันจนติดปากว่า ผู้ช่วยลา (ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน) บ้านสะเนพ่อง หมู่ที่ 1 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ทำเป็นประจำทุกครั้งที่มีเพื่อนบ้าน หรือแขกต่างถิ่นเดินทางมาเยี่ยม

นอกจากการดื่มกาแฟรสชาติดีของบ้านสะเนพ่องแล้ว เรายังได้มีโอกาสตามนุชจรีย์ เข้าไปดูผลกาแฟที่กำลังสุกสีแดงสดในสวนหลังบ้านของเธอเอง บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ นอกจากกาแฟแล้ว ยังมีผลไม้ต่างๆ เช่น ส้มโอ ทุเรียน เงาะ มังคุด มะพร้าว รวมทั้งหมาก ซึ่งเป็นพืชชั้นบนสุด โดยมีกาแฟพันธุ์โรบัสต้า ที่ปลูกแทรกเข้าไประหว่างต้นผลไม้ต่างๆ เนื่องจากกาแฟเป็นพืชที่ต้องอาศัยร่มเงาจากไม้ใหญ่บนต้นผลไม้ ยังปลูกต้นพริกไทย ซึ่งสามารถเก็บจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี ส่วนพืชชั้นล่างสุด คือ ปลูกสับปะรด และพืชสวนครัวขิงค่า ตะไคร้ รวมทั้งขมิ้น ไว้ใช้ประกอบอาหาร ไม่ต้องซื้อหาจากตลาด

เมื่อถามถึงที่มาของกาแฟโรบัสต้าของบ้านสะเนพ่อง ผู้ช่วยลา บอกว่า เคยถามคุณพ่อ ซึ่งเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านและอดีตกำนันตำบลไล่โว่ เล่าว่า เมื่อ 30 ปีก่อนมีอดีตนายอำเภอสังขละบุรี และหน่วยงานเกษตรบนพื้นที่สูง ได้นำพันธุ์กาแฟโรบัสต้า มาให้ชาวบ้านปลูกในสวน เนื่องจากเห็นว่าที่นี่มีสภาพดี น้ำและอากาศที่เหมาะกับกาแฟโรบัสต้า ชาวบ้านจึงปลูกเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

กาแฟเป็นพืชที่ปลูกและดูแลง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องคอยรดน้ำ หรือใส่ปุ๋ย ไม่มีศัตรูพืช เนื่องจากที่นี่มีความชื้นสูง มีดินที่อุดมสมบูรณ์ ฝนตกต้องตามฤดูกาล เพียงคอยกำจัดวัชพืชและตัดแต่งกิ่งภายหลังการเก็บผลผลิต ใช้เวลา 3-4 ปีก็เริ่มให้ผลผลิต ปัจจุบันชาวบ้านเริ่มนิยมปลูกเพิ่มขึ้น เนื่องจากกาแฟโรบัสต้า ของที่นี่เริ่มเป็นที่รู้จัก จึงขายได้ราคาดี จากอดีตที่เคยขายได้ราคาปี๊บละ 100-120 บาท ปัจจุบันมีพ่อค้าเข้ามารับซื้อถึงในหมู่บ้านโดยให้ราคาปี๊บละ 200 บาท

นอกจากการขายผลกาแฟแล้ว ทุกส่วนของกาแฟสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ทั้งกิ่งกาแฟที่ตัดแต่งทิ้ง สามารถนำมาเผาเป็นถ่านไว้ใช้ในครัวเรือน ใบกาแฟสามารถนำมาเป็นผักสดกินกับลาบและจิ้มพริกได้ ส่วนดอกกาแฟและเปลือกสามารถนำมาแปรรูปเป็นชาไว้ดื่มหรือจำหน่ายได้อีกด้วย

กาแฟเป็นพืชที่เวลาออกลูกเป็นพวงตามก้านที่มีความยาว 70-100 ซม. โดยกาแฟที่บ้านสะเนพ่อง จะเริ่มออกดอกในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน แล้วจะเริ่มสุกและเก็บได้ในช่วงกลางเดือนธันวาคม จนถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยผลกาแฟจะสุกไม่พร้อม จึงต้องทยอยเก็บ โดยจะเลือกเก็บเฉพาะผลสุกที่มีสีส้มแก่ สีแดงจัด ซึ่งการเก็บในช่วงนี้จะทำให้ได้กาแฟคุณภาพดี

หลังจากเก็บผลกาแฟจากต้นแล้วก็จะนำมาคัดเม็ดที่ไม่ดีออก โดยการนำมาแช่ในน้ำ หากกาแฟเม็ดไหนลอยเหนือผิวน้ำให้ทำการคัดแยกออกมาไว้ต่างหากเนื่องจากเป็นกาแฟที่ไม่สมบูรณ์ (มีเม็ดลีบ) ส่วนกาแฟที่ผ่านการคัดแล้วจะนำไปตากแดดในพื้นที่ที่เตรียมไว้ โดยใช้เวลาตากแดดกว่า 2 อาทิตย์ โดยจะต้องมีการเกลี่ยเมล็ดกาแฟในทุกวันเพื่อให้โดนแดดอย่างทั่วถึง และต้องทำการคลุมไม่ให้เมล็ดการแฟโดนน้ำค้างในช่วงกลางคืน ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพของการแฟที่ได้

เมื่อครบ 2 อาทิตย์ จะได้กาแฟที่แห้งจึงค่อยนำไปทำการสีเปลือกออก หรือนำไปตำในครกกระเดื่องเพื่อเอาเปลือกออก ก็จะได้สารกาแฟ ก่อนจะเก็บใส่ขวดโหล หรือภาชนะที่มีฝาปิด ทำการเก็บรักษาเพื่อนำมาคั่วไว้บริโภคหรือจำหน่ายต่อไป

ในอดีตชาวบ้านที่นี่จะขายผลกาแฟที่ผลิตได้ให้พ่อค้าคนกลาง ไม่นิยมนำมาทำเป็นกาแฟไว้บริโภคเอง เนื่องจากขั้นตอนที่ยุ่งยาก โดยนิยมซื้อกาแฟสำเร็จรูปที่มีจำหน่ายในท้องตลาดมาดื่มเนื่องจากสะดวกสบายกว่า จึงทำให้เพิ่มค่าใช้จ่ายในครัวเรือน จึงเริ่มค้นหาความรู้ขั้นตอนต่างๆ ในการแปรรูปเมล็ดกาแฟที่มี เพื่อไว้ดื่มเอง จนมาวันนี้สามารถนำกาแฟโรบัสต้า ที่ปลูกในสวนมาทำเป็นกาแฟสดรสชาติดีไว้ดื่มเอง แล้วค่อยๆ ชักชวนเพื่อนบ้านมาเรียนรู้ร่วมกันและชักชวนกันกลับมาดื่มกาแฟที่ทุกคนปลูกเอง จนถึงวันนี้ได้รับความสนใจจากเพื่อนบ้านมากขึ้นทุกวัน

แม้จะยังไม่ครบทุกครัวเรือน แต่อนาคตไม่นาน ทุกคนจะหันกลับมาบริโภค กาแฟที่ปลูกเองด้วย 2 มือ เพื่อสุขภาพที่ดี และมีแนวโน้มที่กาแฟโรบัสต้า บ้านสะเนพ่อง จะได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักของคอกาแฟ เนื่องจากปัจจุบันหลายหน่วยงานเริ่มเข้ามาให้การสนับสนุน ส่งเสริมให้เพิ่มพื้นที่การปลูกกาแฟ เพราะที่ผ่านมา เป็นที่ปรากฏแล้วว่า กาแฟเป็นพืชที่สามารถปลูกร่วมกับไม้ยืนต้นที่มีอยู่ในธรรมชาติได้ดี เป็นพืชเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีอนาคตที่สดใสเป็นที่ต้องการของตลาด














กำลังโหลดความคิดเห็น