ศูนย์ข่าวศรีราชา - ทิศทางส่งออกเนื้อไก่ไทยปี 63 ฉลุย หลังจีนเปิดตลาดนำเข้า แต่ผู้ประกอบการยังต้องเผชิญปัญหาค่าเงิน แบงก์เข้มงวดปล่อยกู้ ยันไม่ท้อเดินหน้าหาตลาดเพิ่มโดยไม่รอนโยบายรัฐ ชื่นใจมูลค่าส่งออกปี 62 กว่า 9 หมื่นล้านบาท
ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือฉวีวรรณ ผู้ส่งออกเนื้อไก่ไทยรายใหญ่ 1 ใน 5 ของประเทศ เผยถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2562 ว่า แม้ภาพรวมทางเศรษฐกิจและการส่งออกจะชะลอตัว แต่สินค้าเกษตรปศุสัตว์ โดยเฉพาะการส่งออกเนื้อไก่ไทยไปต่างประเทศ ยังเป็นไปในทิศทางดีเนื่องจากผู้ประกอบการไทยมีความสามารถในการผลิตสินค้าที่หลากหลายตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
โดยเฉพาะกลุ่มสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และมาเลเซีย รวมทั้งตลาดทั่วไปที่ไทยได้ทำข้อตกลงความร่วมมือในการจัดส่งสินค้าไปยังประเทศนั้นๆ ทำให้ตัวเลขการส่งออกเนื้อไก่ไทยในปี 2562 ทั้งไก่แปรรูป และไก่สดแช่เย็นมีไม่น้อยกว่า 8.6 แสนตัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออกโดยรวมกว่า 9 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนประมาณ 7-9%
และตลาดส่งออกที่สำคัญยังเป็นประเทศญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน เกาหลีใต้ และเนเธอร์แลนด์ โดยคิดเป็นการผลิตเพื่อส่งออกถึงร้อยละ 86.21 ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 14% เป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
“แต่สิ่งที่สร้างผลกระทบต่อการส่งออกอย่างมากก็คือ ค่าเงินบาทที่แข็งจนเกินไป ทำให้ผู้ประกอบการที่ส่งสินค้าไปต่างประเทศต้องแบกรับภาระทั้งเรื่องค่าเงิน และต้นทุนการผลิตจากค่าแรงที่สูง และการที่ประเทศไทยมีวันหยุดมากเกินไปจนทำให้ผู้ประกอบการต้องหาสารพัดวิธีในการที่จะประคองบริษัทให้อยู่รอด”
เช่นเดียวกับกลุ่มฉวีวรรณ ที่ในปี 2562 ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการที่จะเปิดตลาดส่งออกเข้าไปในประเทศจีน จนกระทั่งประสบความสำเร็จและได้รับคำสั่งซื้อและทำให้รู้ว่าตลาดจีนมีการเติบโตที่ดีและมีความต้องการที่สูงมาก
ดร.ฉวีวรรณ ยังบอกอีกว่า ไทยและจีน เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ไกลกัน ทำให้การขนส่งสินค้าสะดวกและใช้เวลาไม่นาน ดังนั้น รัฐบาลหรือรัฐมนตรีที่มีความเกี่ยวข้องเรื่องการค้าการลงทุนจะต้องมีความพยายามในการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศจีนให้มากขึ้นเพื่อก่อให้เกิดการจ้างงานที่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของไทยในปี 2563
โดยในปี 2562 ที่ผ่านมา ฉวีวรรณ กรุ๊ป ได้ทุ่มงบประมาณในการพัฒนาระบบ และการผลิตอาหารปลอดภัยตามระบบสากลในทุกขั้นตอน จนได้รับการยอมรับจากประเทศคู่ค้าและตลาดใหม่อย่างจีน
“สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยฯ มีเครือข่ายทั่วประเทศที่ไม่ใช่แค่ทำธุรกิจเฉพาะเรื่องไก่อย่างเดียว บางคนมีธุรกิจอื่นๆ ทั้งโรงแรม ค้าขาย ทุกคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าในปี 2562 เศรษฐกิจไทยค่อนข้างย่ำแย่ และบางรายอาจต้องปิดกิจการบางตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่นักธุรกิจก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดกำลังซื้อจึงเงียบ ขณะที่แนวโน้มในปีหน้ายังมองไม่เห็นปัจจัยที่ดี แม้แต่สถาบันการเงินก็ยังไม่มีทิศทางจะช่วยเหลือผู้ประกอบการ ซึ่งทุกคนยังคงต้องพึ่งตัวเองต่อไป”
จับตาเศรษฐกิจปี 63 ไม่ทรงก็ทรุด ความหวังเดียวคือภาคการท่องเที่ยว
ดร.ฉวีวรรณ ยังบอกอีกว่า ในปี 2563 นักธุรกิจไม่ควรหวังพึ่งนโยบาย หรือมาตรการใดๆ จากรัฐบาล โดยเฉพาะกลุ่ม ส.ส.ในพื้นที่ แต่ควรหันมาหาแนวทางในการประคับประคองธุรกิจของตัวเองให้รอด เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปที่จะต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด
และความหวังเดียวที่จะทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการตกต่ำทางเศรษฐกิจถึงขีดสุดก็คือ ภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่คนไทยทุกคนจะต้องร่วมกันต้อนรับนักท่องเที่ยว และดูแลนักท่องเที่ยวให้ดีเพื่อให้มีการนำเงินตราเข้าประเทศ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียน
“ส่วนโครงการอีอีซี นักธุรกิจดีใจที่มีแต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าการเกิดขึ้นของโครงการดังกล่าวสุดท้ายแล้วจะเป็นรูปธรรมเมื่อใด และจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่” ดร.ฉวีวรรณ กล่าว