ศูนย์ข่าวศรีราชา - กระทรวงสาธารณสุข จับมือ 7 หน่วยงาน ร่วมสาธิตการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศ บนทางหลวงพิเศษมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง เพื่อรองรับผู้ป่วยฉุกเฉิน-อุบัติเหตุ หวังลดเวลาการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บในพื้นที่ EEC โดยจะมีผลบังคับใช้ 1 มีนาคม 2563
วันนี้ (9 ธ.ค.) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมเป็นประธานในการสาธิตเฮลิคอปเตอร์การแพทย์ฉุกเฉินช่วยเหลือผู้ป่วยอุบัติเหตุบนทางหลวงพิเศษมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางหลวงพิเศษหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กรมทางหลวง สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ตำรวจทางหลวง กองบินตำรวจ และบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมกว่า 250 คน
ดร.สาธิต กล่าวว่า รัฐบาลได้มีโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ทำให้มีการใช้เส้นทางหลวงพิเศษมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง มากขึ้น ซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุจากการใช้รถด้วยความเร็วรถสูง ดังนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุข จึงได้ร่วมกับกระทรวงคมนาคม สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และบริษัทกรุงเทพดุสิต เวชการ จำกัด (มหาชน)
โดยการสาธิตในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพการแพทย์ฉุกเฉินด้วยการใช้เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงผู้บาดเจ็บทางอากาศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศไทยแก่นักท่องเที่ยว นักลงทุน และสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่ EEC ซึ่งครั้งนี้เป็นการซักซ้อมความเข้าใจในกระบวนการปฏิบัติงาน การวางแผนการเข้าจุดเกิดเหตุโดยเฮลิคอปเตอร์ พร้อมทีมแพทย์ร่วมกับรถฉุกเฉินในพื้นที่ โดยแผนการดำเนินงานระยะต่อไปจะร่วมกับกรมทางหลวง เปิดช่องทางพิเศษเป็นระยะเพื่อง่ายต่อการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ
“ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ทีมแพทย์ฉุกเฉินเข้าถึงผู้ป่วยและผู้ประสบอุบัติเหตุได้รวดเร็วขึ้น ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ด้วยการลำเลียงทางอากาศ ช่วยแก้ปัญหารถกู้ชีพเข้าถึงจุดเกิดเหตุยาก พร้อมทั้งจะช่วยลดการตาย ความพิการ จากอุบัติเหตุได้” ดร.สาธิต กล่าว
ด้าน เรืออากาศเอกนายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน หรือ สพฉ. กล่าวว่า สพฉ.ได้จัดระบบการช่วยเหลือและนำส่งผู้ป่วยด้วยอากาศยาน (Thai Sky doctor) โดยได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2553 เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร หรือเข้าถึงยาก ซึ่งในปีงบประมาณ 2562 ที่ผ่านมา มีปฏิบัติการ Sky doctor 59 ครั้ง ช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินได้ จำนวน 66 ราย
สำหรับในพื้นที่ EEC นั้น มีอัตราการเจ็บป่วยฉุกเฉินและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรสูงที่สุดในประเทศไทย โดยเฉพาะบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก จึงจัดให้มีการช่วยเหลือฉุกเฉินทางเฮลิคอปเตอร์ขึ้น โดยใช้ทีมฉุกเฉินจากกรมทางหลวง โรงพยาบาลชลบุรี และมูลนิธิในพื้นที่ ร่วมกับเฮลิคอปเตอร์จากกองบินตำรวจ และบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย แก้ไขระเบียบด้านการบินให้การบินเพื่อการแพทย์ฉุกเฉิน อำนวยความสะดวกให้ลงจอดนอกสนามบิน เป็นการลดระยะเวลาและเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้ผู้ป่วยฉุกเฉิน
ด้าน นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ได้ออกประกาศ เรื่อง ข้อกำหนดการเดินอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์ของผู้ดำเนินการเดินอากาศ (Helicopter Operations Requirements) พ.ศ.2562 เพื่อให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์ ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล ด้านบุคลากร อุปกรณ์ทางการแพทย์ และการให้บริการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อให้บุคคลที่ 3 ที่ได้รับบาดเจ็บ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้วยความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคม 2563 โดยสามารถรับส่ง ขึ้นลงนอกเขตสนามบิน เพื่อให้เข้าใกล้จุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้แก่ผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บ และโครงการนำร่องในเขตพื้นที่ EEC นี้ จะเป็นต้นแบบสำหรับการประยุกต์ใช้กับทางหลวงและพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศต่อไปในอนาคต