ราชบุรี - ชาวบ้านในพื้นที่ ยืนยัน "ทวี ไกรคุปต์" รุกที่ดินทำกินของนายเสี้ยวไปกว่า 30 ไร่ จริง เผยตนเองอยู่ในเหตุการณ์ที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ไถที่ดินของนายเสี้ยวอีกด้วย
จากคดีที่นายเสี้ยว นำพา อายุ 74 ปี มาร้องเรียนเรื่องที่ถูกนายทวี ไกรคุปต์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นพ่อของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ รุกที่ดินกว่า 30 ไร่ ที่ใช้ปลูกอ้อยมากว่า 50 ปี โดยมีหลักฐานเป็นใบ ภ.บ.ท.5 และใบเสียภาษีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2517
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบแนวเขตโดยกรมป่าไม้ ซึ่งยืนยันมาแล้วว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของนายเสี้ยว ที่ได้แบ่งให้ลูกสาว 2 คนไปแล้ว ซึ่งทางผู้นำชุมชนสามารถเป็นพยานได้ว่า นายเสี้ยว นั้นครอบครองพื้นที่ดังกล่าวมาก่อนที่นายทวีจะเข้ามาทำกิน แต่นายทวี ก็ยังมาทำการล้อมรั้วปิดกั้น พร้อมกับปลูกต้นมะพร้าว ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเพราะเป็นที่ดินที่ใช้ทำการเกษตรเลี้ยงครอบครัว
แต่ปัจจุบันกลับเหลือแค่ 10 กว่าไร่ และได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.สวนผึ้ง นอกจากนี้ ยังได้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม ในช่วงที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตรวจราชการที่ จ.ราชบุรี ก่อนไปประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.กาญจนบุรี แต่เรื่องก็ยังเงียบจึงมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชนนั้น
ล่าสุด วันนี้ (2 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.ต.จักราวุธ กลางคาร พนักงานสอบสวน สภ.สวนผึ้ง ทราบว่า ข้อมูลเรื่องคดีที่นายเสี้ยว นำพา มาแจ้งความว่าถูก นายทวี ไกรคุปต์ บุกรุกพื้นที่ขณะนี้กำลังรอหลักฐานจากทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ หลังทำหนังสือไปสอบถามแล้ว เพื่อจะได้ยืนยันว่าที่ดินเป็นของใคร และจะได้เชิญคู่กรณีทั้ง 2 คนมาพูดคุยตกลงกัน แต่เบื้องต้นนั้นยังไม่มีหนังสือตอบรับกลับมา ต้องรอการตอบกลับของกรมป่าไม้ก่อน
ด้าน นายชัยสิทธิ์ ฉัตรมิ่งขวัญ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/7 หมู่ 2 ต.แก้มอ้น อ.จอมบึง จ.ราชบุรี มีอาชีพนำรถไถมารับจ้างไถที่บริเวณนั้นมากว่า 10 ปี และได้บอกว่าตนรับจ้างไถที่ดินให้นายเสี้ยว เพื่อทำการปลูกอ้อยมาหลายปี แต่เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายเสี้ยว ให้ตนนำรถไถไปไถที่ดินให้แต่ถูกนายทวี มาสั่งห้ามว่าไม่ให้ไถ โดยบอกว่าที่ดินดังกล่าวนั้นเป็นของนายทวี
จากนั้นก็มาทำการล้อมรั้ว ซึ่งตนนั้นยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของนายเสี้ยว ที่ทำกินมานานแล้ว แต่นายทวี ก็ไม่สนใจ ซึ่งในเรื่องนี้ตนยืนยันได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของนายเสี้ยว ที่ทำกินมานานแล้ว สามารถเลี้ยงดูครอบครัวส่งเสียให้ลูกเรียนจนจบปริญญาตรีได้ถึง 2 คน ก็เพราะทำกินในที่แปลงนี้ นายเสี้ยวไม่ได้โกงที่ดินของนายทวีมา ตนยืนยันได้
จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ก็ให้ข้อมูลว่าในช่วงปี พ.ศ.2546 มีนายทุนเข้ามารวบรวมพื้นที่ของชาวบ้านได้เกือบ 30 แปลง รวมเป็นพื้นที่กว่า 800 ไร่ เพื่อนำไปทำฟาร์มไก่ และในต้นปี พ.ศ.2555 ได้มีการโอนชื่อทั้งหมดเกือบ 30 แปลง ไปเป็นของ น.ส.ปารีณา ภายในวันเดียว ซึ่งปัจจุบันตั้งเป็นฟาร์มไก่ที่ตกเป็นข้อพิพาทดังกล่าว