xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านแฉ!!! ถูก ทวี ไกรคุปต์ ฮุบที่ดิน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ราชบุรี - ชาวบ้านแฉ !!! ถูก ทวี ไกรคุปต์ พ่อปารีณา ฮุบที่ดินทำกินไปกว่า 30 ไร่ มานานกว่า 50 ปี

หลังจากเรื่องราวการถือครองที่ดินปัญหาของ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ในพื้นที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี มีผลการตรวจสอบจากกรมป่าไม้ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือส.ป.ก. พบว่าบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี และที่ป่าไม้ ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ประมาณ 46 ไร่นั้น ปรากฏว่าได้มีผู้ออกมากล่าวถึงที่ดินในการครอบครองของนายทวี ไกรคุปต์ อดีตรมช.กระทรวงคมนาคม บิดาของนางสาวปารีณา ที่อยู่ในพื้นที่หมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งอยู่คนละฝั่งภูเขาว่าครอบครองโดยถูกกฎหมายหรือไม่ และยังไม่มีการรังวัดที่ดินอีกกว่า 600 ไร่ เมื่อเรื่องราวถูกกล่าวถึงทำให้มีชาวบ้านที่กล้าออกมาแสดงตัวยืนยันว่าได้ถูกนายทวี ไกรคุปต์ ฮุบที่ดินที่ทำกินมาเกือบ 50 ปี โดยบุคคลดังกล่าวคือนายเสี้ยว นำพา อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

บ่าสุดวันนี้( 1 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบกับนายเสี้ยว นำพา มีอาชีพเลี้ยงหมูแบบครอบครัว ไม่ใช่ลักษณะฟาร์ม ได้พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปดูที่ดินที่ยืนยันว่าถูกนายทวีบุกรุก โดยพบรั้วแบบใช้เสาปูนล้อมลวดหนามเป็นพื้นที่กว้าง ภายในรั้วปลูกมะพร้าว นายเสี้ยวชี้ว่านี่คือที่ดินของตนเองที่ถูกบุกรุกแล้วนายทวีมาล้อมรั้วปลูกต้นมะพร้าวและอ้างว่าเป็นพื้นที่ของนายทวี

นายเสี้ยว เปิดเผยว่าที่ดินนี้มีเนื้อที่เกือบ 50 ไร่ ตนครอบครองใช้ประโยชน์ในการปลูกอ้อยมาเกือบ 50 ปี เป็นพื้นที่ ภ.บ.ท.5 เสียภาษีมาตั้งแต่ 2517 แต่หลายปีที่ผ่านมา ถูกนายทวีพยายามบุกรุกกินพื้นที่ของตนมาเรื่อย โดยการไถที่ดินเข้ามาแม้แต่ทางที่ชาวบ้านใช้สัญจรเป็นทางลัดเชื่อมระหว่างถนนสายราชบุรี-ผาปก (เส้นจากอ.จอมบึงเข้าอ.สวนผึ้ง) และถนนสายราชบุรี-น้ำพุ-ออกแยกชัฎป่าหวาย เข้าอ.สวนผึ้ง) ก็ถูกไถดินกลบ จนเจ้าของสวนยูคาลิปตัสที่อยู่ติดกันต้องทำถนนใหม่ผ่าสวนยูคาลิปตัสเพื่อให้ชาวบ้านสัญจร

แต่ที่เกิดปัญหาใหญ่คือเมื่อวันที่ 7 ก.ค.62 หลังตนตัดอ้อยแล้ว นายทวี ไกรคุปต์ ได้พาลูกน้องมาทำล้อมรั้วในที่ดินของตน และปลูกมะพร้าว ตามที่พาไปดูพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ที่ดินของตนจากเกือบ 50 ไร่ เหลือเพียง 10 กว่าไร่ โดยนายทวี มาคุมคนงานด้วยตนเอง ตนพูดคุยก็ไม่รับฟัง คาดว่านายทวีต้องการพื้นที่ให้ไปบรรจบที่ดินของนายทวี ที่อยู่เลยไปอีกแปลงให้เป็นแปลงเดียวกัน วันนั้นตนจึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนที่สภ.สวนผึ้ง ว่านายทวีบุกรุกที่ดิน พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากอำเภอเข้ามาตรวจสอบ ยังบอกให้นายทวีหยุดปลูกมะพร้าวก่อน แต่นายทวีไม่สนใจ เขาบอกว่าเขามีสิทธิ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังบอกว่านายทวีก็มาแจ้งว่าตนเองบุกรุกที่ดินก่อนหน้านี้เหมือนกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าจะพูดคุยไกล่เกลี่ยให้ แต่ทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า

นายเสี้ยว เผยอีกว่า ต่อมาตนเอง กับนางสาวปราณี นำพา และนางสาวอำไพ นำพา ลูกสาว ซึ่งตนให้ทางป่าไม้ที่เคยมาตรวจสอบที่ดินเปลี่ยนชื่อตนเป็นชื่อลูกสาวทั้งสองเป็นผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว เพราะตนอายุมาก ลูกสาวเป็นทายาทเพื่อจะได้ใช้ที่ดินประกอบอาชีพต่อ ได้เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสวนผึ้ง โดยศูนย์ดำรงธรรมได้มีหนังสือขอความอนุเคราะห์ถึงสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) เพื่อให้ตรวจสอบข้อมูลตามโครงการสำรวจถือครองเพื่อการจัดการที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ ก็คือตรวจสอบที่ดินของตน และต่อมาสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) ได้มีหนังสือตอบกลับศูนย์ดำรงธรรมเมื่อวันที่ 22 ส.ค.62 ว่าผลการตรวจสอบข้อมูลแล้ว

ผลปรากฏว่าได้มีการรังวัดตามโครงการสำรวจถือครอง ดังกล่าว ดังนี้ นางสาวอำไพ นำพา เนื้อที่ 23-2-79 ไร่ นางสาวปราณี นำพา เนื้อที่ 23-0-99 ไร่ เพราะฉะนั้นก็คือที่ดินที่ถูกนายทวีบุกรุกไปนั้นเป็นที่ดินที่ลูกสาวครอบครองอยู่ ตนได้นำเอกสารไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเรื่องก็เงียบ นอกจากนี้เมื่อวันที่ 11 พ.ย.62 วันที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาตรวจราชการพื้นที่ราชบุรี ก่อนประชุม ครม.สัญจรที่จ.กาญจนบุรี

นางสาวปราณี ลูกสาวตนก็ยื่นหนังสือร้องทุกข์ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ในคราวนายกรัฐมนตรีเดินทางไปปฏิบัติราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกพื้นที่ ซึ่งตั้งศูนย์ฯชั่วคราวที่จวนผู้ว่าราชการราชบุรีหลังเก่า เรื่องก็ยังเงียบ และเมื่อวันที่ ส.ป.ก.มาตั้งหน่วยบริการบริการประชาชนเคลื่อนที่ ในเขตปฏิรูปที่ดินปีงบประมาณ 2563 มีชาวบ้านในพื้นที่ ต.รางบัว อ.จอมบึง และต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง ที่ศาลาเอนกประสงค์ อบต.รางบัว ก็นำเรื่องไปแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ส.ป.ก.เพื่อทำการตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ผลอย่างไร ทุกวันนี้รั้วก็ยังล้อมอยู่ไม่ได้มีการรื้อถอน การออกมาแฉครั้งนี้ถามว่าตนกลัวมั้ย ตนบอกเลยกลัว แต่ก็ต้องสู้เพราะที่ดินที่เราใช้ทำการเกษตรเลี้ยงปากท้องครอบครัวมานาน จู่ๆจะให้คนอื่นมาแย่งไปอย่างไม่เป็นธรรมได้อย่างไร ยังมีชาวบ้านที่โดนลักษณะเดียวกันนี้หลายราย แต่ยังไม่มีใครกล้าออกมาเปิดเผย








กำลังโหลดความคิดเห็น