เพชรบูรณ์ - ตำรวจออกหมายเรียกข้าราชการครูบำนาญวัย 80 ผู้พิการทางสายตา และภรรยาพร้อมพวก เหยื่อนายทุนโกงที่ดิน หลังถูกนายทุนแจ้งความกลับ จนเครียดจัดร่ำไห้ตัดพ้อชะตาชีวิตทุกครั้งที่พูดถึง
หลังจากนางสุเมธ สงคราม อายุ 80 ปี ข้าราชการครูบำนาญ ที่เป็นผู้พิการทางสายตา และนางโสภี สงคราม อายุ 52 ปี ตายายเหยื่อถูกโกงที่ดินพร้อมพวก ได้เข้าขอความช่วยเหลือทางยุติธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากถูกนายทุนคู่กรณีแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ดงขุย อ.ชนแดน เอาผิดโดยอ้างว่านางโสภีพวกรวม 4 รายเรียกรับทรัพย์สิน
ล่าสุด นางรัตนาภรณ์ มิ่งเมือง อาสาสมัครกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรมแจ้งว่า วันนี้ (15 พ.ค.) ได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาจาก สภ.ดงขุย ลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 ให้ตนและนางโสภี สงคราม ภรรยานายสุเมธ และพวกรวมทั้งหมด 4 คน ไปพบ พ.ต.ท.เมธา รัตนวรุณรัตน์ สว.(สอบสวน) สภ.ดงขุย เนื่องจากถูกกล่าวหาร่วมกันเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สินฯ และพยายามกรรโชกทรัพย์คู่กรณี ในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้
นางรัตนาภรณ์กล่าวว่า สำหรับตนพอจะทำใจได้ เพราะหลังได้รับคำปรึกษาจากทางยุติธรรมจังหวัดฯ และผู้ใหญ่ในกระทรวงทำให้คลายความวิตกกังวลไปได้มาก แต่นางโสภีนั้นอาการน่าเป็นห่วง เพราะรู้สึกทั้งเครียด กลัวเป็นกังวล เนื่องจากฐานะยากจน ทุกวันนี้จะกินยังแทบไม่มีแล้ว ยังต้องมาตกเป็นผู้ต้องหาอีก จนบ่นตัดพ้อถึงชะตาชีวิตถูกซ้ำเติมไม่หยุดหย่อน
“พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ หรือโทรศัพท์มาหาทีไรก็จะร้องไห้เสียใจตลอด ส่วนนายสุเมธตอนนี้ทุกคนพยายามปิดบังเรื่องทั้งหมดไว้ เพราะหากทราบเรื่องก็จะคิดหนักทำให้ตกอยู่ในความเครียดส่งผลต่อสุขภาพซึ่งสถานการณ์จะย่ำแย่ลงไปอีก”
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการยื่นประกันขอปล่อยตัวชั่วคราว ทางตำรวจได้แจ้งให้ทราบในเบื้องต้นแล้วว่า คงไม่ต้องใช้หลักทรัพย์แต่อย่างใด และให้ไปตามนัดหมาย ส่วนทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดได้ประสานไปเรียบร้อยแล้ว ได้รับแจ้งเช่นเดียวกันว่าในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้จะจัดส่งนิติกรและทนายความไปดูแลเรื่องคดีความที่ สภ.ดงขุยด้วย จนทำให้เบาใจลงไปได้มาก
อนึ่ง ก่อนหน้านี้นายสุเมธ สงคราม ได้ถูกนายทุนปลอมแปลงใบมอบอำนาจนำไปไถ่ถอนพร้อมโอนที่ดินที่นายสุเมธนำไปจำนองไว้เป็นของตนเอง ต่อมานายสุเมธพร้อมนางโสภี ภรรยา ได้เดินทางไปขอความช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรม โดยมีนางรัตนาภรณ์ประสานงานช่วยเหลือ จนได้รับการยื่นมือช่วยเหลือ กระทั่งนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีต่อนายทุนหลังพบว่าใบมอบอำนาจถูกปลอมแปลงจริง
กระทั่งคดีถูกนำขึ้นพิจารณาในชั้นศาล และเมื่อราวเดือนสิงหาคมปี 2560 ศาลชั้นต้นมีคำตัดสินพิพากษาจำคุกนายทุนรายนี้ 2 ปี และให้คืนโฉนดที่ดิน หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้เงิน 1.8 ล้านบาท ล่าสุดคดีนี้อยู่ในชั้นศาลอุทธรณ์ ในขณะที่ทนายฝ่ายนายสุเมธได้ยื่นอุทธรณ์เช่นเดียวกัน เนื่องจากพิจารณาว่าราคาที่ดิน 19 ไร่เศษมีมูลค่ามากกว่า 1.8 ล้านบาท