MGR ONLINE— “ชาวจีนผู้พิการขาสองข้างได้ปีนถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ ณ เวลา 8.40 น. ตามเวลาท้องถิ่นในวันนี้ เขาเป็นผู้พิการขาสองข้างคนแรกที่ปีนถึงยอดเอเวอเรสต์จากฝั่งทิศใต้” Gyanendra Shrestha เจ้าหน้าที่ฝ่ายการท่องเที่ยวของกระทรวงวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการบินพลเรือนแห่งเนปาล กล่าวกับสำนักข่าวซินหวา ผ่านโทรศัพท์จากฐานค่ายปีนเขาเอเวอเรสต์เมื่อวานนี้ (14 พ.ค.)
*******
ในปี 1975 ซย่า ปั๋วอี๋ว์ หนุ่มจีนวัย 26 ปี ได้นำทีมนักไต่เขาไปพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ที่สูงที่สุดในโลก โดยเป็นการปีนเขาเพื่อพิชิตยอดเอเวอเรสต์ครั้งแรกของซย่า ขณะที่พวกเขาบุกบั่นไปถึงระดับ 8600 เมตร ทว่า พายุหิมะได้จู่โจมอย่างหนัก ทีมนักไต่เขาต้องล่าถอยลงมาที่ค้างคืนที่บริเวณความสูง 7600 เมตร ทนหนาวเหน็บที่อุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์ เพื่อนในทีมคนหนึ่งทำถุงนอนหายไประหว่างหนีพายุหิมะและได้ล้มป่วยหนัก ซย่าได้เสียสละถุงนอนให้แก่เพื่อนไป ผลปรากฏในคืนที่สอง ซย่าถอดรองเท้าไม่ออก ต่อมา แพทย์วินิจฉัยอาการว่า น้ำแข็งกัดเท้าจนต้องผ่าตัดเท้าทั้งสองข้างออก
หลังจากที่ใส่เท้าเทียม ไฟแห่งชีวิตของซย่าได้ลุกโชนขึ้นมาอีก เขาฝึกฝนอย่างหนัก เท้าและขาเสียดสีกันจนเลือดไหลโชก แต่ซย่ายังสู้ไม่ถอย จนกระทั่งเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และต้องตัดขาทั้งสองข้างออกไป แต่เขายังมองโลกในแง่ดี
“การปีนยอดเขาเอเวอเรสต์เป็นเป้าหมายการต่อสู้ของผม ผมจะไปให้ถึงเป้าหมายปลายทางนี้อย่างไม่มีวันยอมแพ้”ซย่า กล่าว
นี่คือ เวอร์ชั่นปัจจุบันของ “ปู่โง่ย้ายเขา” ในตำทานโบราณจีน เรื่องของผู้เฒ่าที่เพียรพยายามย้ายขุนเขาใหญ่ทุกวันๆอย่างไม่ลดละ
มิมีอุปสรรคใดหยุดความฝันของนักไต่เขานักสู้ผู้นี้...ซย่าในวัยคุณปู่ 65 ปี กลับไปพิชิตยอดเอเวอเรสต์อีกในปี 2014 เมื่อไปถึงฐานค่ายปีนเขาเอเวอเรสต์ ก็เกิดภูเขาหิมะถล่มครั้งประวัติศาสตร์ในเนปาล รัฐบาลประกาศยกเลิกแผนการปีนเขาทั้งหมด
ปีถัดมา (2015) ซย่าเดินทางไปยังฐานค่ายปีนเขาอีก และได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 8.1 ริกเตอร์ ภูเขาหิมะถล่มทลายความฝันของซย่าไปอีก
ในปีถัดมา (2016) ซย่าไปปีนเขาเพื่อพิชิตเอเวอเรสต์เป็นครั้งที่สี่ ผู้คนต่างคิดว่านี่เป็นการปีนครั้งสุดท้ายของปู่ซย่าแล้ว และซย่าเองก็มีความหวังอย่างมาก เว็บไซต์ข่าวจีนได้ออกอากาศสด การเดินทางไต่เขาเป็นไปอย่างราบรื่น ซย่านึกดีใจลิงโลดว่าอีกเพียงแค่ราวหนึ่งชั่วโมง จะถึงยอดเขาแล้ว
ทว่าเมื่อถึงจุดที่สูงจากน้ำทะเล 8754 เมตร...อีก 94 เมตร ก็จะถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ ก็เกิดพายุหิมะ เส้นทางขึ้นยอดเขาถูกตัดขาด มองเห็นเพียงภาพขาวโพลน เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เขาตัดสินใจลงจากเขา
ความฝันของปู่ซย่าเกือบไม่มีวันได้เป็นจริง...เนื่องจากในเดือนธ.ค.ปีที่ผ่านมา รัฐบาลเนปาลได้ออกกฎห้ามผู้พิการแขนหรือขาทั้งสองข้างและคนตาบอดปีนเขาปีนเขาเพื่อลดอุบัติเหตุ กฎฯดังกล่าวได้รับการโจมตีอย่างหนักจากองค์กรพิทักษ์สิทธิผู้พิการว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ
นับเป็นโชคร้ายที่เจ็บปวด ในสามปีที่ผ่านมาซย่าสู้อุตส่าห์กลับไปปีนเขาพิชิตยอดเอเวอเรสต์ แต่ก็ล้มเหลวเนื่องเพราะภัยพิบัติธรรมชาติที่มิมีใครอาจพิชิตได้
แต่แล้ว สามเดือนต่อมา ศาลสูงเนปาลได้ตัดสินยกเลิกกฎห้ามผู้พิการแขน/ขาทั้งสองข้าง และผู้พิการทางสายตา เนื่องจากเห็นด้วยว่าเป็นการเลือกปฏิบัติต่อผู้พิการ
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ซย่าได้ยื่นขอใบอนุญาตปีนเขา...และได้พิชิตยอดสูงที่สุดในโลกแห่งเอเวอเรสต์สมปรารถนา
ในที่สุด นาย ซย่า ปั๋วอี๋ว์ วัย 69 ปี ก็สามารถปีนถึงยอดสูง 8,848 เมตร ของเขาเอเวอเรสต์ในความพยายามครั้งที่ห้า ณ เช้าวันที่ 14 พ.ค. และกลายเป็นผู้พิการไร้ขาสองข้างคนแรก ที่พิชิตยอดเอเวอเรสต์โดยปีนจากจากฝั่งเนปาล
สำหรับซย่า “การพิชิตยอดเอเวอเรสต์ เป็นการต่อสู้ภายในตัวเอง และเป็นการท้าทายชะตากรรม” ซย่าให้สัมภาษณ์กับ เจแปน ไทม์ส ในเดือนเม.ย. “การปีนเขาเอเวอเรสต์เป็นความฝันของผม ผมต้องทำให้ได้”
จนถึงปัจจุบัน มีผู้พิการขาทั้งสองข้างเพียงคนเดียวที่ได้พิชิตเขาเอเวอเรสต์ คือ Mark Inglis จากนิวซีแลนด์ Inglisได้พิชิตเขาสูงที่สุดในโลกแห่งนี้โดยปีนจากฝั่งทิเบตเมื่อปี 2006
Sudarshan Gautam ชาวแคนาดาที่เกิดในเนปาล ทำสถิติผู้พิการแขนทั้งสองข้างคนแรกที่พิชิตยอดเอเวอเรสต์ ในปี 2013
*แปลเรียบเรียงจาก พีเพิล เดลี/ ซินหวา/เดอะ วอชิงตัน โพสต์