ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ แจงกรณีนักท่องเที่ยวจีนโพสต์ประจานถูกบริษัททัวร์ตุ๋นซื้อแพกเกจลอยกระทงและปล่อยโคมลอย โฆษณาอย่างหรูแต่จัดจริงห่วยแตก ชี้กระแสข่าวออกไปดูรุนแรงเกินจริง ผู้จัดงานเยียวยาแล้ว
ความคืบหน้ากรณีนักท่องเที่ยวชาวจีนโพสต์โซเชียลมีเดีย ประจานการจัดงานเทศกาลลอยกระทงและปล่อยโคมลอยของบริษัททัวร์แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ขายแพกเกจทัวร์ให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเพื่อเข้าร่วมงานเมื่อช่วงงานยี่เป็งจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2562 โดยมีการโฆษณาอวดอ้างว่าจะมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่อลังการ แต่ปรากฏว่าพอนักท่องเที่ยวหลงเชื่อซื้อแพกเกจทัวร์ในราคาแพงเข้าร่วมงานดังกล่าวที่จัดขึ้นในพื้นที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ปรากฏว่าการจัดกิจกรรมต่างๆ ในงานถือว่าแย่มาก และไม่ใกล้เคียงกับที่มีการโฆษณา รวมทั้งไม่คุ้มค่ากับการเสียเงินแม้แต่น้อย
วันนี้ (19 พ.ย. 62) นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงในพื้นที่จัดงานที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งบริษัททัวร์มีการใช้พื้นที่เอกชนจัดงานและกิจกรรมดังกล่าว พร้อมทั้งขายแพกเกจทัวร์ให้นักท่องเที่ยวชาวจีน โดยจุดดังกล่าวมีการขออนุญาตปล่อยโคมลอยอย่างถูกต้องวันละ 1,000 ลูก ในวันที่ 11 และ 12 พ.ย. 62
อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวที่ออกไปอาจจะดูรุนแรงกว่าความเป็นจริง เพราะจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าความไม่พอใจที่เกิดขึ้นนั้นเป็นของนักท่องเที่ยวเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากเห็นชาวบ้านใกล้เคียงเข้าไปในพื้นที่จัดงานได้ทั้งๆ ที่ไม่ซื้อบัตรผ่าน ความจริงแล้วการจัดงานดังกล่าวไม่ได้ปิดกั้นพื้นที่ห้ามชาวบ้านชุมชนเข้าร่วมแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าความแตกต่างอยู่ตรงที่คูปองอาหารและการอำนวยความสะดวกต่างๆ นั้นจะได้รับเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ซื้อบัตรผ่านเท่านั้น
ทั้งนี้ เบื้องต้นได้ประสานกับทางผู้ประกอบการที่ที่จัดงานดังกล่าวแล้ว พบว่าได้มีการเยียวยาความไม่พึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มดังกล่าวแล้วด้วยการจ่ายเงินคืนให้เฉพาะกลุ่มที่ซื้อแพกเกจวีไอพีคนละ 1,000 หยวน โดยหักค่าใช้จ่ายไปส่วนหนึ่ง จากการสอบถามผู้ประกอบการบอกว่าทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวเป็นที่พอใจแล้ว
ขณะเดียวกัน ทางจังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานเกี่ยวข้องยังได้ประสานชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมทั้งแสดงความเสียใจกรณีที่เกิดขึ้นไปทางฝ่ายจีนแล้ว ยอมรับว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่พอสมควร อย่างไรก็ตาม ถือเป็นบทเรียนเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาต่อไปในอนาคต
