ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตำรวจโคราชยันไม่มีเอี่ยวล่อซื้อจับกระทงลายการ์ตูนละเมิดลิขสิทธิ์ เร่งตรวจสอบเป็นนายหน้าตัวแทนลิขสิทธิ์เก๊หรือไม่ เพื่อเอาผิดแจ้งเท็จ-ใช้เอกสารปลอม ล่าสุดเหยื่อล่อซื้อยังไม่มีใครแจ้งความกลับ ลั่นพร้อมดำเนินคดีทันทีหากผู้เสียหายที่มีกว่า 5 ราย แจ้งจับฐานกรรโชกทรัพย์
วันนี้ (5 ต.ค.) จากกรณีที่นายประจักษ์ โพธิ์ผล นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา เข้าจับกุมเยาวชนวัย 15 ปี ขณะส่งมอบกระทงอาหารปลาพิมพ์ลายการ์ตูนการ์ฟิลด์ และรีลัคคุมะ ซึ่งทำการล่อซื้อผ่านเฟซบุ๊ก โดยนายประจักษ์เรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท แต่ได้เจรจากันเหลือ 5,000 บาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีนักศึกษาวัย 22 ปี ถูกล่อซื้อกระทงจากขนมอาหารปลาลายการ์ตูนการ์ฟิลด์แล้วถูกจับกุมในลักษณะเดียวกัน โดยเรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท แต่ครอบครัวต่อรองเหลือ 10,000 บาท แลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี
กระทั่งบริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนลิขสิทธิ์ของบริษัท San-x เจ้าของลิขสิทธิ์ลายการ์ตูนรีลัคคุมะ ชี้แจงว่าไม่ได้มอบหมายให้ผู้ใดทำการจับลิขสิทธิ์ผิดกฎหมายแต่อย่างใด ขณะที่ นายธวัชชัย ไทยเขียว อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ชี้ว่าในเมื่อบริษัทฯ ไม่ได้มอบหมายให้ผู้ใดทำการจับลิขสิทธิ์ แสดงว่าผู้ที่สั่งของล่อซื้อเป็นมิจฉาชีพ ขอให้ตำรวจจัดการจับดำเนินคดีให้เป็นตัวอย่าง ทางด้านกรมทรัพย์สินทางปัญญายืนยันเช่นกันว่า กรณีตัวแทนเจ้าของลิขสิทธิ์สั่งเด็กหญิงทำกระทงลายการ์ตูนดังแล้วล่อซื้อจับกุมเรียกค่ายอมความไม่ถือว่าเด็กมีความผิด เหตุไม่มีเจตนาทำกระทงละเมิดลิขสิทธิ์แต่แรก เผยสามารถฟ้องกลับได้เนื่องจากมีการข่มขู่กรรโชกทรัพย์ให้เด็กหญิงชดเชยค่าเสียหายนั้น
ล่าสุดช่วงเย็นวันนี้ พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.เมืองนครราชสีมา ท้องที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า หลังจากบริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนที่แท้จริงได้ทำหนังสือชี้แจงมาว่าทางบริษัทฯ ในฐานะตัวแทนลิขสิทธิ์ของบริษัท San-X ประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้มอบหมายให้ผู้ใดทำการจับลิขสิทธิ์ผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่เมื่อตรวจสอบจากหลักฐานใบรับรองการเป็นตัวแทนบริษัทที่นายประจักษ์ โพธิ์ผล ผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท พอส์ อิงค์ จำกัด และบริษัท ซาน-เอกซ์ จำกัด นำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเอกสารมีการระบุชื่อบริษัทชัดเจน ซึ่งอาจเป็นบริษัทเครือข่ายของบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์รายใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจขอเวลาในการตรวจสอบว่าเอกสารดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ และนายประจักษ์เป็นตัวแทนลิขสิทธิ์จริงหรือไม่ คาดว่าภายในวันพรุ่งนี้ (6 ต.ค.) จะทราบรายละเอียดทั้งหมด
ทั้งนี้ หากเป็นเอกสารปลอม พนักงานสอบสวนจะแจ้งดำเนินนคดีข้อหาฐานแจ้งความเท็จ และใช้เอกสารปลอมทันที แต่หากเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ที่ได้รับมอบอำนาจจริงคงจะจบขั้นตอนในส่วนนี้ ถือว่าเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติไปตามหน้าที่ และยืนยันว่าตำรวจไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเงินค่าเสียหาย ที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายเจรจาไกล่เกลี่ยตกลงกันเองแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม หากเยาวชนวัย 15 ปี ผู้เสียหายหรือผู้เสียหายรายอื่นๆ ซึ่งทราบว่ามีอย่างน้อย 5 รายในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ต้องการเข้าแจ้งความเอาผิดต่อตัวแทนลิขสิทธิ์ในความผิดฐานความผิดกรรโชกทรัพย์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมรับดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ ตนไม่เห็นด้วยกับการล่อซื้อจับกุมกฎหมายลิขสิทธิ์ที่ไม่เป็นธรรม เพราะส่วนตัวตนเองเคยประกอบธุรกิจร้านอาหาร และเคยถูกล่อซื้อจับกุมลิขสิทธิ์เพลงมาแล้ว รู้สึกเหมือนกับโดนเอาเปรียบเช่นเดียวกัน พ.ต.อ.คเชนท์กล่าวในตอนท้าย