อุทัยธานี - ชาวอุทัยฯ แตกตื่นตกใจกันทั้งเมือง..เจ้าอาวาสวัดดังสว่างอารมณ์ทั้งแจ้ง ตร. ร้องศูนย์ดำรงธรรมฯ เจ้าคณะจังหวัด แถมโพสต์เฟซฯ สงสัยมีคนวางยาใส่ถังน้ำหวังฆ่าพระทั้งวัด ญาติโยม-พระลูกวัดใช้น้ำแล้วแพ้ต้องหามส่ง รพ.
วันนี้ (30 ต.ค.) ศรัทธาสาธุชนชาวอุทัยธานีต่างพากันตกใจกันทั้งเมือง หลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่แสดงตนว่าเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองเข้ เลขที่ 323 หมู่ 12 ต.ไผ่เขียว อ.สว่างอารมณ์ จ.อุทัยธานี โพสต์ข้อความระบุว่ามีคนร้ายพยายามที่จะฆ่าพระสงฆ์ทั้งวัด ด้วยการแอบใส่สารเคมี ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นยาฆ่าหญ้าลงไปในถังน้ำใช้อุปโภคบริโภคภายในวัด เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา
พร้อมโพสต์ภาพคณะเจ้าอาวาสฯ ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สว่างอารมณ์ รวมทั้งเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุทัยธานี ที่ว่าการอำเภอสว่างอารมณ์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ให้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบและช่วยเหลือ
ผู้ที่พบเห็นโพสต์ดังกล่าวต่างพากันสอบถามด้วยความห่วงใย และแชร์เรื่องราวดังกล่าวออกไปจำนวนมาก
จากการสอบถามพระครูพิศาลอุทัยกิจ เจ้าอาวาสวัดหนองเข้ ระบุว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาน้ำบาดาลที่ใช้ในวัดหนองเข้จู่ๆ ก็มีกลิ่นสารเคมีคล้ายกับยาฆ่าหญ้ามาเจือปนกับน้ำ ซึ่งพระภิกษุภายในวัดและญาติโยมที่มาร่วมกันทำบุญที่วัดได้ใช้น้ำบาดาล ทั้งใช้ดื่มและอาบน้ำ รวมถึงใช้ล้างหน้าแปรงฟันด้วย
และมีโยมผู้หญิงคนหนึ่งที่มาช่วยงานของทางวัดเป็นประจำ แล้วเกิดร้อนจึงไปอาบน้ำในห้องน้ำของทางวัด หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วโยมผู้หญิงนั้นก็มีอาการเป็นตุ่มขึ้นและมีอาการแพ้อย่างรุนแรง จนต้องนำส่งโรงพยาบาลอำเภอสว่างอารมณ์ โดยในตอนนี้อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งหากอาการไม่ดีขึ้นอีกทางแพทย์ที่รักษาอยู่จำเป็นต้องส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจังหวัดอุทัยธานี
“โยมผู้หญิงที่มีอาการแพ้นั้นมีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวาน พออาบน้ำไปแล้วมีตุ่มคันและเป็นตุ่มใสๆ ขึ้นเต็มตัว รวมไปถึงพระลูกวัดที่ใช้น้ำล้างหน้าและแปรงฟันก็มีอาการแพ้ แต่เคราะห์ดีที่น้ำนั้นมีกลิ่นยาฆ่าหญ้าอย่างรุนแรง จึงรีบนำน้ำขวดหรือน้ำดื่มที่มีอยู่ในวัดล้างออกทัน แต่พระบางรูปก็มีอาการทางเยื่อบุตาอักเสบเพราะใช้น้ำที่คาดว่าน่าจะมียาฆ่าหญ้าผสมอยู่ดังกล่าว”
ส่วนสาเหตุที่เชื่อว่าต้องมีคนมาวางยาฆ่าหญ้าในวัดเพราะก่อนหน้านี้ทางวัดหนองเข้ขาดแคลนน้ำใช้อุปโภคบริโภคมาก จึงได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์รถเจาะบ่อบาดาลจากสมาคมชาวไร่อ้อยอุทัยธานีมาเจาะบ่อบาดาลให้เมื่อช่วงกลางเดือนกันยายน 62 ซึ่งน้ำนั้นใสสะอาดมากสามารถดื่มได้ และก็ใช้กันมาตลอดไม่มีปัญหาอะไร แต่พอมาถึงช่วงวันที่ 7-9 ตุลาคมที่ผ่านมาก็มีคนมีอาการแพ้น้ำอย่างรุนแรงจนต้องนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล อีกประเด็นที่มั่นใจก็คือ ทางวัดและกรรมการชุดเก่าบางรายมีปากเสียงกันมาเป็นระยะเวลานานมากเกือบ 20 ปี จนมาถึงปัจจุบัน
“อาจมีคนวางแผนนำยาฆ่าหญ้ามาใส่ถังน้ำในวัดที่มีถังพักน้ำอยู่ 3 ถัง อยู่ใกล้กับบ่อบาดาล 1 ถัง และอีก 2 ถังอยู่บริเวณหลังศาลาวัด ซึ่งขณะนี้ได้ตัดท่อที่มีน้ำปนเปื้อนกับยาฆ่าหญ้าแล้วเพื่อป้องกันอันตราย แต่ยังคงเก็บน้ำที่มีสารปนเปื้อนไว้จำนวน 5 ถังเพื่อไว้เป็นหลักฐาน และนำถังน้ำมาเพิ่มอีกหนึ่งใบเพื่อใช้สำรองไปก่อน”
พระครูพิศาลอุทัยกิจระบุด้วยว่า ได้เข้าไปลงบันทึกประจำวันไว้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอสว่างอารมณ์ไว้แล้ว พร้อมนำตัวอย่างน้ำไปร้องทางอำเภอสว่างอารมณ์เพื่อขอให้ตรวจสารปนเปื้อนในน้ำ และขณะนี้ได้นำน้ำที่เชื่อว่าปนเปื้อนยาฆ่าหญ้าส่งตรวจที่นครสวรรค์ และยังเดินทางไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุทัยธานีเพื่อร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ และเพื่อให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีรับทราบ รวมทั้งแจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานีขอให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่างและชัดเจนว่าใครที่ไม่หวังดีนำยาฆ่าหญ้ามาใส่ในถังน้ำเพื่อหวังจะลอบฆ่าพระทั้งวัดดังกล่าว
