xs
xsm
sm
md
lg

สองผัวเมียหลอกขายสินค้าให้ชาวบ้านแล้วเชิดเงินนับล้านหนี มอบตัวต่อตำรวจแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ชัยนาท - สองผัวเมียหลอกขายสินค้าให้ชาวบ้าน อ.สรรคบุรี แล้วเชิดเงินนับล้านหนี เข้ามอบตัวต่อตำรวจแล้วหลังถูกออกหมายจับ สารภาพว่าโกงจริง แต่รับเงินมาไม่ถึงล้าน

จากกรณีชาวบ้านในพื้นที่ ต.บางขุด และ ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท จำนวนกว่า 50 ราย ถูก น.ส.กาญจนา อุบลวงศ์ อายุ 34 ปี และนายวัลลภ จุมที อายุ 35 ปี สองสามีภรรยาที่เข้าไปทำงานในหมู่บ้านหลอกขายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาถูก

โดยรับเงินค่าสินค้า รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาทไปแล้ว แต่กลับไม่นำสินค้าไปส่งให้ ซ้ำนำเงินไปซื้อรถยนต์ ซื้อรถจักรยานยนต์ และทรัพย์สินมีค่าเป็นของตนเอง ก่อนจะเชิดเงินที่เหลือหลบหนีไปจากหมู่บ้าน เมื่อวันที่ 21 ต.ค.62 ที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้านเครียดหนัก เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.สรรคบุรี ให้ตามตัวมาดำเนินคดี

หลังถูกตำรวจออกหมายจับฐานฉ้อโกงประชาชน และตกเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ทำให้ น.ส.กาญจนา และนายวัลลภ สองผู้ต้องหาที่หลบหนีไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ยอมเดินทางกลับมาที่จังหวัดชัยนาท และเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.ท.ประวิง จิณาพันธ์ พนักงานสอบสวน สภ.สรรคบุรี ตามหมายจับ โดยมีชาวบ้านผู้เสียหายประมาณ 20 คน เดินทางไปสังเกตการณ์ที่สถานีตำรวจด้วย

น.ส.กาญจนา ยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อเหตุดังกล่าวขึ้นจริง โดยวิธีการคือ จะนำเงินค่าสั่งซื้อสินค้าที่ได้รับจากลูกค้าคนที่ 1 ไปซื้อสินค้าในราคาปกติ แล้วนำไปขายต่อครึ่งราคาให้แก่ลูกค้าคนที่ 2 แล้วนำเงินที่ได้รับจากลูกค้าคนที่ 2 ไปซื้อสินค้าต่อให้ลูกค้าคนที่ 3 ต่อไป ทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้ามาตลอด

ช่วงแรกมีลูกค้าไม่กี่ราย ทำให้มีเงินหมุนเวียนพอที่จะจัดซื้อสินค้าไปขายต่อในราคาถูกโดยไม่มีปัญหา แต่ครั้งล่าสุด มียอดสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก สาเหตุมาจากมีชาวบ้านบางคนต้องการค่าคอมมิชชันจากยอดสั่งซื้อ 3,000 บาท จะได้รับค่าคอมมิชชัน 300 บาทจากตน จึงหาลูกค้ามาให้เป็นจำนวนมาก ทำให้ตนหมุนเงินไม่ทัน

แต่ยืนยันว่า ยอดเงินที่ตนได้รับจากการสั่งซื้อสินค้ามีไม่ถึง 2 ล้านบาท ตามที่ถูกกล่าวหา ตนได้รับเงินมาเพียง 7 แสนบาท และได้ซื้อสินค้าส่งให้ลูกค้าไปแล้ว วันที่ตัดสินใจหลบหนีเพราะหมุนเงินไม่ทันจริงๆ และมีเงินติดตัวไปเพียง 1 แสนบาทเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาไปที่ห้องสอบสวน ผู้ต้องหาพยายามที่จะขอเจรจากับชาวบ้านผู้เสียหาย โดยบอกว่า ยินยอมที่จะชดใช้เงินคืนให้ และขอโอกาสทำงาน เพื่อหาเงินมาผ่อนชำระเป็นรายๆ ไป แต่การกระทำดังกล่าวถือเป็นคดีอาญา มีความผิดตามกฎหมาย จึงยอมความไม่ได้ ตำรวจจึงได้นำตัวไปสอบสวน ก่อนที่จะนำตัวไปฝากขังศาลจังหวัดชัยนาทต่อไป ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านผู้เสียหายที่มาคอยเฝ้าสังเกตการณ์หน้าห้องสอบสวน ด้วยความหวังว่าจะได้รับเงินที่สูญไปกลับคืนมาบ้าง


กำลังโหลดความคิดเห็น