เชียงใหม่/เชียงราย/พะเยา - กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกและบ่มใบยาสูบเอง 3 จังหวัดภาคเหนือเดินทางยื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรมร้องขอให้โรงงานยาสูบทบทวนการงดรับซื้อใบยาสูบฤดูกาลใหม่ เพราะชาวบ้านหลายร้อยครอบครัวได้รับผลกระทบขาดรายได้
วันนี้ (28 มิ.ย.) เวลา 09.30 น. ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบจังหวัดเชียงใหม่ นำโดย นายขจรศักดิ์ เมฆขจร นายกชาวไร่บ่มเองจังหวัดเชียงใหม่, นายกฤษณ์ ผาทอง นายกสมาคมผู้บ่มเพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบ จังหวัดเชียงใหม่ และนายอรุณ โปธิตา เลขาฯ สมาคมพัฒนาชาวไร่บ่มเอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นแกนนำพร้อมมวลชนจำนวนประมาณ 100 คนมายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่
หนังสือมีเนื้อหาขอให้ภาครัฐช่วยเหลือดูแลปัญหาผู้ปลูกยาสูบทั่วประเทศ พร้อมทั้งทบทวนเรื่องการงดรับซื้อใบยาสูบในฤดูกาลใหม่เพราะจะส่งผลต่อเกษตรกรชาวไร่ยาสูบทั้งประเทศทำให้ขาดรายได้ในการดำรงชีพ โดยมี นายประจวบ กันธิยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มารับหนังสือข้อเรียกร้องฯ และได้เจรจากับทางกลุ่มฯ จนเป็นที่เข้าใจและพอใจจึงเดินทางกลับ
ด้านจังหวัดเชียงราย นายกิตติทัศน์ ผาทอง และ นายอัจฉริยะ วัฒนาทร แกนนำเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ พร้อมมวลชนประมาณ 100 คนจากทุกอำเภอใน จ.เชียงราย ได้มายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.เชียงรายเพื่อเรียกร้องไม่ให้รัฐหยุดรับซื้อใบยาสูบจากผู้ปลูกยาสูบ โดยการมายื่นครั้งนี้เนื่องจากได้ทราบข้อมูลจากสื่อต่างๆ ประกาศว่าโรงงานยาสูบจะหยุดรับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรทั่วประเทศเป็นเวลา 3 ปี
เนื่องจากอ้างว่ากำไรน้อย ทำให้เกษตรกรทั่วประเทศจะได้รับผลกระทบจึงนัดกันร้องเรียนทุกจังหวัดทั่วประเทศ ประกอบกับปัจจุบันเกษตรกรประสบภาวะค่าครองชีพสูง รายได้ของประชากรต่ำ ราคาพืชผลทางการเกษตรยังไม่ดี อยากวอนให้รัฐบาลช่วยเหลือ โดยใช้เวลานั่งพูดคุยในห้องไกล่เกลี่ยประมาณ 20 นาที และได้ยื่นหนังสือร้องเรียนดังกล่าวจากนั้นได้เดินทางกลับ
นอกจากนี้ ที่ จ.พะเยา กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ อ.ปง และ อ.เชียงม่วน จ.พะเยา ประมาณ 200 คน นำโดย นายสุระ พิมพ์สาร เดินทางมาที่หอประชุมศาลากลางจังหวัดพะเยาเพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ เนื่องจากการยาสูบแห่งประเทศไทย (ย.ส.ท.) จะงดรับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรเพราะประสบภาวะการขาดทุนเนื่องจากการขึ้นภาษีสรรพสามิต โดยมีข้อเรียกร้อง ดังนี้
1) ให้รัฐบาลช่วยเหลือโดยการจัดหางบประมาณสำหรับการจัดซื้อใบยาสูบในฤดูกาล 2561/62 เป็นการเร่งด่วนเนื่องจากใกล้เข้าสู่ฤดูการผลิตยาใบยาสูบแล้ว
2) ระงับการเก็บภาษีสรรพสามิตในอัตราเดียวที่จัดเก็บ 40% เพื่อให้เกษตรกรมีเวลาปรับตัว
3) ให้รัฐบาลพิจารณา กำกับดูแล ผู้บริหารโรงงานยาสูบว่ามีธรรมาภิบาลในการบริหารหรือไม่ เพราะเกษตรกรได้ผลิตใบยาสูบส่งให้โรงงานยาสูบมาแล้วกว่า 80 ปี โดยไม่มีแผนบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรแต่อย่างใด