ศูนย์ข่าวศรีราชา- ร้อยเวรเจ้าของคดี “ศึกชิงตัวเด็ก” เตรียมเรียกครอบครัวพ่อ แม่เจรจาหาข้อยุติ และชดใช้ค่าเสียหายจากเหตุการณ์ใช้หินทุบกระจกเพื่อหวังชิงตัวเด็กกลับคืน พร้อมขอร้องทั้ง 2 ฝ่ายให้ใจเย็น ส่วนเรื่องคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย
จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปการใช้ความรุนแรงระหว่างครอบครัวฝ่ายชาย และหญิงใน จ.ชลบุรี ที่มีปัญหาแยกกันอยู่จนเกิดเหตุวิวาทแย่งลูกกลางถนน และภาพในคลิปที่ถูกถ่ายจากโทรศัพท์มือถือของคนในรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บบ 509 ชลบุรี ที่ถ่ายให้เห็นภาพรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีเทาดำ ทะเบียน งท 8024 ชลบุรี ที่ขับปาดหน้า ก่อนจะมีผู้ชายลงจากรถใช้หินเคาะรอบรถ และกระจกเพื่อให้อีกฝ่ายเปิดประตู ท่ามกลางเสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากคนในรถกระบะที่มีเด็กหญิงวัยเพียงขวบเศษอยู่ภายในรถ ซึ่งตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนร้องไห้โฮ กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักของคนในสังคมเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในครอบครัวนั้น
วันนี้ (19 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก ร.ต.อ.สมหวัง โพธิพันธ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ร้อยเวรเจ้าของคดี ถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีต่อทั้ง 2 ครอบครัว หลังต่างฝ่ายต่างแจ้งความให้ดำเนินคดีซึ่งกันและกัน ว่า ครอบครัวฝ่ายแม่ของเด็กหญิงวัยขวบเศษ ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อบิดา รวมทั้งปู่ ย่า และอา ในข้อหาทำร้ายร่างกาย
ส่วนครอบครัวฝ่ายชาย ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อลุงของเด็กหญิงที่กระโดดเกาะรถ และยังใช้หินทุบทำลายกระจก รวมทั้งรถยนต์จนเสียหายว่าทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เรียกทั้งสองฝ่ายมาสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
“ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวเข้าให้แพทย์ตรวจเช็คร่างกาย และขอใบรับรองจากโรงพยาบาลที่เข้ารับการรักษาเพื่อจะได้ทราบว่าได้รับบาดเจ็บที่ส่วนใดบ้าง ส่วนรถยนต์ที่ถูกทุบ และได้รับความเสียหาย ต้องรอให้เจ้าของรถนำรถไปที่อู่ซ่อม เพื่อตรวจเช็กว่ามีส่วนใดเสียหาย และค่าเสียหายเป็นเงินเท่าใด”
ร.ต.อ.สมหวัง กล่าวอีกว่า จากนี้จะเรียกทั้ง 2 ฝ่าย มาเจรจากันอีกครั้งว่าจะยอมชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร โดยจะรอให้ทั้ง 2 ฝ่ายใจเย็นกว่านี้ เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้มีการพูดคุยกัน จึงทำให้เรื่องบานปลาย
“ทราบว่าทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็รักหลานด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งหากใจเย็นกันทั้ง 2 ฝ่าย และมาพูดคุยกันดีๆ ปัญหาก็จะยุติได้ และไม่ต้องถึงขั้นมีการฟ้องร้องต่อกันเพราะเป็นเพียงปัญหาในครอบครัว และเจ้าหน้าที่เองก็จะพยายามพูดไกล่เกลี่ยเพื่อให้ปัญหายุติด้วยดี” ร.ต.อ.สมหวัง กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อสอบถามไปยังคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อขอทราบรายละเอียด และคามคืบหน้าในคดี แต่ไม่มีฝ่ายใดให้ข้อมูลแต่อย่างใด