ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายอำเภอบางละมุง ย้ำข้อคิดการทำงานเดินหน้าโรดแมปเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้ง พร้อมให้ความรู้ประชาชนสู่ประชาธิปไตย ชี้สังคมต้องปรองดองหากไม่อยากกลับไปสู่วังวนเก่า วังวนแห่งความแตกแยก
นายนริศ นิรามัยวงศ์ เปิดเผยถึงแนวคิด และหลักการปฏิบัติในการทำงาน ว่า ในปี 2561 นี้ รัฐบาลได้เดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามแผนโรดแมปที่ได้วางไว้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในรายละเอียดการแก้ไขกฎหมายลูก หากแล้วเสร็จก็จะมีการประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจนตามลำดับ ในทั้งส่วนของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรเลือกตั้งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้ข้าราชการศึกษา และทำความเข้าใจต่อเรื่องดังกล่าวก่อนนำมาถ่ายทอด และสร้างความเข้าใจกแก่ระชาชนให้เข้าใจในระบออบประชาธิปไตย รวมทั้งเข้าใจรูปแบบของกฎหมายใหม่ ตามหลักการที่รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องไทยนิยม
ทั้งนี้ ในส่วนของอำเภอบางละมุง ได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการลงพื้นที่พบปะ และให้ความรู้แก่ประชาชน และชาวบ้านอย่างต่อเนื่องในทุกหมู่บ้าน และทุกชุมชนรวมทั้งสิ้นจำนวน 4 ครั้ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่ในขั้นตอนของการทำงานครั้งที่ 2 เพื่อให้ชาวบ้านมีความรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อช่วยในการตัดสินใจคัดเลือกคนดีเข้ามาเป็นตัวแทนบริหารงานแทนประชาชน ให้เข้ามาทำหน้าที่อย่างดีที่สุด
นายอำเภอบางละมุง ยังเปิดเผยต่อว่า นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการส่งเสริมความรัก และสามัคคีในชาติ เพราะที่ผ่านมา เราเห็นได้ว่าความคิดของคนในชาติเกิดความแตกแยกไม่มีความเป็นปึกแผ่น และความปรองดอง ส่งผลให้เกิดปัญหากระทบภาพรวมต่างๆ ซึ่งยังเป็นวังวนเก่าๆ วังวนแห่งความแตกแยก เราต้องละลายเรื่องเหล่านี้ออกไปให้หมดสิ้น การปรองดองต้องเกิดขึ้นหลักจากการเลือกตั้ง คือ สังคมเรามีความเห็นแตกต่างกันได้ แต่ต้องไม่แตกแยก ต้องคำนึงถึงความเป็นคนไทย เพราะคนไทยเป็นพี่เป็นน้องกันหมด ต้องมองถึงประเทศชาติมาก่อนอย่าให้ความคิดที่ไม่ตรงกันมาสร้างความแตกแยก เราจะเดินหน้าไม่ได้ในขณะที่ประเทศอื่นเดินหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ทั้งนี้ ทางอำเภอบางละมุง ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการดูแลพี่น้องเกษตรกร เพราะถือได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ร้อยละ 70 ของประเทศไทย ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีอาชีพเกษตรกร จึงต้องมีแนวทางการผลักดัน และส่งเสริมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ เพื่อเพิ่มผลผลิต รวมถึงแนวทางในการลดต้นทุน ซึ่งในส่วนของอำเภอบางละมุง ยังมีพี่น้องชาวเกษตรกรอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีแนวทางความเข้มแข็งที่จะอยู่ให้ได้ท่ามกลางความคึกคักด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นจุดเด่นของท้องถิ่นด้วยเช่นกัน
นายนริศ นายอำเภอบางละมุง ยังบอกด้วยว่า ในส่วนของเมืองพัทยานั้นมีความเป็นห่วงในเรื่องของธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และปัญหาขยะ เราต้องไม่ลืมว่าเราหากินกับทะเล จะทุบหม้อข้าวตัวเองไม่ได้ ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน แค่ทิ้งขยะให้ลงถัง ก็เป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดปริมาณขยะในพื้นที่ลงได้ ผู้ประกอบการต้องช่วยกันเป็นตัวอย่างให้นักท่องเที่ยว เมืองพัทยาอยู่ในเขตควบคุมมลพิษ ผู้ประกอบการก็ควรให้ความสำคัญในเรื่องของการจัดการระบบบำบัดน้ำเสียของตนเองให้ดี เพราะทะเลคือหม้อข้าวหม้อแกงของคนพัทยา ถ้าไม่มีทะเลที่สวยงาม หรือไม่ช่วยกันรักษาแล้ว นักท่องเที่ยวก็จะแห่ไปเที่ยวที่อื่นกันหมด
นอกจากนี้ นายอำเภอบางละมุง ยังให้ข้อคิดที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การช่วยกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี ช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยวที่ขนเงินเข้ามาใช้จ่ายยังพื้นที่ และท้องถิ่น เพราะหากเราขาดคนเหล่านี้แนวทางการพัฒนาท้องถิ่นคงเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะท้องถิ่นของเราขับเคลื่อนด้วยการท่องเที่ยว เม็ดเงินจำนวนมหาศาลเข้ามายังท้องถิ่นจำนวนมากในแต่ละปี อย่าเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ให้มองนักท่องเที่ยวเหมือนญาติพี่น้อง นี่คือแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน